nescessary-of-passive-income

ให้ดี ต้องมี Passive

         รายได้บนโลกนี้มีเพียงแค่ 2 แบบครับ คือ Active income กับ Passive income

1.  Active income คือ รายได้ที่ต้องทำถึงได้เงิน ไม่ทำก็ไม่ได้เงิน
2.  Passive income คือ รายได้ที่คุณไม่ทำ คุณก็ยังได้เงิน “”

        แน่นอน..ถ้าเลือกได้ ทุกคนย่อมเลือก Passive income กันทุกคนอยู่แล้วใช่มั๊ยครับ ? ทีนี้มาดูความแตกต่างของรายได้ทั้ง 2 แบบนี้กัน

  • Active income คือ รายได้ที่ต้อง Active.. ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่าทั้งแอ๊ค ทั้งถีบ..ถึงจะได้เงิน แปลว่าคุณต้องเอาแรง และเวลา ไปแลกกับเงิน เช่น ลูกจ้าง,พนักงาน,ข้าราชการ,รัฐวิสาหกิจ รวมถึงแพทย์,วิศวกรฯลฯ.. แปลว่า ถ้าเค้าทั้งหลายเหล่านี้หยุด หรือ อาจจะป่วย เงินก็จะหายไปได้วยเช่นกัน.. ตามสมการ »

health+time-2-money

 

  • ส่วน Passive income คือรายได้ที่คุณไม่ทำ คุณก็ยังได้เงิน.. หลายคนอาจสงสัยว่า “ถ้าไม่ทำแล้วเงินมันมาจากตรงไหน ? ใช่ครับวิธีการคือ เรายังใช้แรง กับใช้เวลาอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่เอาทั้งสองอย่างไปสร้างทรัพย์สิน (Asset )แทน แล้วให้ทรัพย์สินตัวนี้ไปสร้างเงินแทนคุณเหมือนกัน พอมีทรัพย์สินสร้างเงินแทนคุณแล้วเนี่ย ก็ไม่ต้องใช้แรงของคุณและเวลาของคุณอีกต่อไป..คุณจะหยุดได้ ตัวคุณจะไม่อยู่ก็ได้ หรือไปเที่ยวก็ได้ แต่ยังมีเงินไหลเข้ามาตลอดชีวิต…

health+time-2-asset

            “ทรัพย์สิน” เปรียบเสมือนห่านทองคำ  ส่วน “เงิน” ก็เหมือน “ไข่ทองคำ” ถ้าอยากมีไข่ทองคำเยอะๆ (เงิน) ก็ต้องมีห่านทองคำเยอะๆ (ทรัพย์สิน)

        ผู้คนส่วนมากโฟกัสไปที่การหาไข่ทองคำ มันคือ Active Income ซึ่งเป็นการสร้างแต่ไข่ คือหาแต่เงิน แต่ไม่มีห่านเลย..  ยิ่งหาก็ยิ่งยุ่ง ยิ่งหาก็ยิ่งเหนื่อย ชีวิตจะเหนื่อยไปตลอด  ,ขณะที่ Passive Income คือ การสะสมห่านทองคำ เพราะมันจะสร้างไข่ทองคำแทนเรา  มีห่านมากก็เหนื่อยน้อย..ห่านมีน้อยก็เหนื่อยมาก.. ที่สำคัญถ้ามีห่านมากพอถึงจุดๆนึง เราจะหยุดทำงานได้ตลอดไปครับ และนี่แหละคือ อิสรภาพทางการเงิน ฉะนั้นห้ามฆ่าห่านหรือเอามาต้มโดยเด็ดขาด ! 555+

           ทีนี้ก็คงมีคำถามขึ้นมาว่า “อะไรบ้างที่เป็นทรัพย์สิน (Asset) ล่ะ ? สรุปง่ายๆว่า “อะไรก็ตามที่มีมูลค่าเพิ่มในอนาคต” พวกนี้คือทรัพย์สินทั้งสิ้นครับ คร่าวๆก็มีอยู่ 6 ประเภท คือ

  1. ด้วยสินทรัพย์ทางการเงิน (Finance Assets)
  2. ด้วยสินทรัพย์ทางปัญญา (Intellectual Assets)
  3. ด้วยอินเทอร์เน็ตมาร์เก็ตติ้ง (Internet Marketing)
  4. ด้วยอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)
  5. ด้วยการซื้อแฟรนไชส์ (Franchise)
  6. ด้วยธุรกิจเครือข่าย (Network marketing)

          ถ้าให้เลือกระหว่าง 1 ล้านบาทแบบ Active กับ 1 แสนบาท Passive income คุณจะเลือกอะไร ? คำตอบไม่มีถูกมีผิดครับ แต่คำตอบคือ “แบบไหนที่ตอบโจทย์คุณได้มากที่สุดต่างหาก”
สำหรับผม ผมเลือก 1 แสนบาทแบบ Passive ครับ เพราะมันมีมูลค่าเพิ่มในอนาคต (Future value) ไม่ต้องทำ ไม่ต้องเครียด.. ขณะที่มีเงินไหลมาเดือนละ 1 แสนบาท , ขณะเดียวกัน 1 ล้านแบบ Active ดูเหมือนเยอะครับ แต่มันไม่มี Future value เลย ถ้าคุณหยุด เงินก็หยุด ถ้าคุณป่วยมันก็ป่วย

คนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตครับ ไม่ใช่เพื่อทำงาน และผมอยากจะบอกว่า

Passive Income เป็นอะไรที่ทุกคน “จำเป็น” ต้องมี.. !

หยุดก้มหน้าวิ่งหาเงินเพียงอย่างเดียว แล้วหันมาไล่ล่า Asset กันเถอะ..

เริ่มสร้าง Passive Income กรอกข้อมูลส่งมาหาเรา..

ชื่อ :
เบอร์โทร:
ข้อความ:
error: do not copy content!!