
เจาะแผนผังการเงิน ตอนที่ 2
ต้นแบบ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการตั้งโปรแกรมความคิดในหัวเราครับ พ่อแม่หรือผู้ปกครองของคุณบริหารเงินอย่างไรบ้างตอนที่คุณยังเป็นเด็ก ? วิธีบริหารเงินของเค้าเป็นอย่างไร? พวกเค้าเป็นจอมจับจ่ายหรือจอมประหยัด? เป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาดหรือไม่รู้เรื่องการลงทุนเลย ? เค้าเป็นพวกชอบลองของใหม่หรือเป็นพวกหัวเก่า ? บ้านคุณมีเงินใช้ไม่ขาดมือหรือมีบ้างไม่มีบ้าง? พวกเค้าหาเงินได้อย่างง่ายดายหรือกว่าจะหาได้เลือดตาแทบกระเด็น? และที่สำคัญเงินเป็นที่มาของความสุขในบ้านหรือเป็นสาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งอันขมขื่น?
สิ่งต่างๆเหล่านี้สำคัญหรือ? อันที่จริง มนุษย์เราเรียนรู้แทบทุกอย่างด้วยการเลียนแบบครับ ประเด็นก็คือ โดยทั่วไปแล้วเรามีความคิด และมักคิดเห็นในเรื่องเงินเหมือนกับผู้ปกครองของเราคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนผสมผสานกันโดยแทบไม่รู้ตัว ลองนึกดูดีๆสิครับ?
หลายคนสามารถหาความรู้และทักษะทุกอย่างที่มีบนโลกใบนี้ใส่ตัวได้.. แต่ถ้า “แผนผัง” ของคุณไม่ได้ถูกกำหนดไว้เพื่อความสำเร็จ คุณก็หนีไม่พ้นหายนะทางการเงินในที่สุด..
หลายๆคนมักประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้รู้ว่าประสบการณ์ของพ่อแม่ส่งผลต่อความเชื่อและพฤติกรรมของพวกเขามากเพียงใด.. บางคนก็มือเติบสุดๆ เพราะ “ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ใช้เงินหรือเปล่า! “ ขณะที่บางก็ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง พวกเค้าเก็บเงินไว้เฉยๆ และ “สะสมไว้ใช้ยามตกอับ” .. ที่จริงการเก็บเงินไว้ในยามตกอับอาจฟังดูเป็นความคิดที่เข้าท่านะ แต่มันอาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา..ทีเดียว
มีกฏอยู่ข้อนึงครับ ที่กล่าวถึงพลังงานแห่งความตั้งใจ “ถ้าคุณตั้งใจจะเก็บเงินไว้ใช้ยามตกอับ สิ่งที่จะตามมาอย่างแน่นอนคือ คุณก็จะตกอับ..” หยุดทำอย่างนั้นโดยเร็วครับ.. แทนที่จะคิดเก็บเงินไว้ใช้ในยามตกอับ ให้คิดเสียว่าคุณเก็บเงินเพื่อไว้ใช้ในวันเวลาแห่งความสุข หรือวันที่คุณมีอิสรภาพทางการเงิน” และตามกฏที่ว่าด้วยพลังแห่งความตั้งใจ คุณก็จะได้รับสิ่งนั้น..
วิธีคิดเกี่ยวกับเรื่องเงินของพวกเราทุกคนมีแนวโน้มที่จะเหมือนกับพ่อแม่คนใดคนหนึ่ง หรือทั้งสองคน.. แต่ยังมีอีกด้านนึงครับ พวกเราบางคนเติบโตขึ้นมาตรงข้ามกับพ่อแม่โดยสิ้นเชิง เช่น เคยมั๊ย? ที่เรารู้สึกไม่ชอบวิธีที่พ่อแม่จัดการเรื่องเงินเลย.. ใช่ครับ และเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ หลายคนจะจัดการกับมันในแบบที่ต่างออกไป บางคนที่มาจากครอบครัวที่ยากจนแล้วเติบโตขึ้นเป็นคนร่ำรวยเพราะมีแรงขับมากมาย..แต่ไม่วายต้องมีเรื่องให้สะดุดหรือเป็นอุปสรรค นั่นคือ ไม่ว่าพวกเค้าจะร่ำรวยขึ้นมาหรือทำงานหนักสายตัวแทบขาดจนประสบความสำเร็จ แต่มักไม่มีความสุข ? เพราะแรงขับในการหาเงินของพวกเค้าคือความโกรธและความไม่พอใจ.. ยิ่งเขามีเงินมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น..สมองเค้าจะตอบกลับมาว่า ถ้าจะกำจัดความโกรธทิ้งไปก็ต้องกำจัดเงินทิ้งไปจากชีวิตด้วย.. ปรากฏว่าก็กำจัดสิ้นไปโดยไม่รู้ตัว.. เช่น ใช้จ่ายเกินตัว ตัดสินใจผิดพลาด หรือบ่อนทำลายความสำเร็จของตัวเองด้วยวิธีอื่นๆ …แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่ชีวิตมีความสุขมากขึ้นก็พอแล้ว! มันผิดถนัด..เพราะตอนนี้เขาไม่ได้โมโหเฉยๆ แต่ทั้งโมโหและถังแตกไปพร้อมๆกัน.. เพราะกำจัดปัญหาผิดที่.. เค้ากำจัดเงินทิ้งแทนที่จะกำจัดความโกรธ เหมือนการกำจัดผลไม้แทนที่จะรักษารากไม้
สาเหตุหรือแรงจูงใจในการหาเงินหรือสร้างความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าแรงจูงใจในการหาเงินมีรากฐานมาจากเรื่องร้ายๆ เช่น ความกลัว,ความโกรธ หรือความต้องการพิสูจน์ตัวเองฯ เงินของคุณจะไม่มีวันนำความสุขมาให้เลย
สำหรับผู้ที่ต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองมีดีพอ ไม่ว่าพวกเค้าจะมีเงินมากเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถเยียวยาบาดแผลแห่งความเจ็บปวดภายในใจได้เช่นกัน ไม่ว่าเงินจำนวนมากแค่ไหนก็ไม่อาจเติมเต็มจิตใจของผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอครับ
โลกภายนอกคือภาพสะท้อนของโลกภายในใจคุณ.. คุณต้องกำจัดความโกรธ , ความกลัว และความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองออกจากแรงขับในการหาเงินให้ได้ แล้วคุณก็สามารถนำเอาความมุ่งมั่นสู่เป้าหมาย ,ความต้องการช่วยเหลือผู้อื่น หรือความสุขเข้ามาทดแทน และด้วยวิธีนี้เองครับ คุณก็ไม่จำเป็นต้องกำจัดเงินทิ้งไปเพื่อให้มีความสุขอีก
ดังนั้น การทำตัวตรงกันข้ามกับพ่อแม่อาจไม่ใช่ปัญหาเสมอไป ขณะที่ถ้าพ่อแม่คุณประสบความสำเร็จและคุณชอบต่อต้านพวกเขา คุณอาจประสบปัญหาการเงินอย่างรุนแรงเช่นกัน ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คุณควรรู้ไว้ว่า พฤติกรรมด้านการเงินของคุณมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับพฤติกรรมของพ่อแม่ของคุณคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองผสมผสานกัน การประกาศเจตจำนงชีวิตการเงินของคุณจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าชีวิตการเงินของคุณเป็นอย่างไร แต่คุณสามารถเลือกวิถีทางของตัวเองได้ครับ
กด Next เพื่ออ่านต่อ…