
เครดิต : นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์
หลากหลายปัญหากับ จุดซ่อนเร้น ที่พบได้บ่อย…
เมื่อสุภาพสตรีเกิดปัญหาขึ้นกับ จุดซ่อนเร้น ก็มักจะเกิดความกังวลใจ โดยเฉพาะปัญหาที่พบบ่อยของจุดซ่อนเร้น ได้แก่ อาการคัน ตกขาว มีกลิ่นไม่พึงประสงค์
ซึ่งมักสร้างความรำคาญและรู้สึกไม่สบายตัวไปตลอดทั้งวัน หากไม่มีการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ปัญหาเหล่านี้ก็จะมีอาการรุนแรงมากขึ้นจนเป็นปัญหาใหญ่ตามมาได้
เช่น มีเลือดออก เกิดอาการปวดภายในจุดซ่อนเร้น เป็นต้น ดังนั้นผู้หญิงเราควรมีความรู้และเข้าใจปัญหาของ จุดซ่อนเร้น ต่างๆที่พบได้บ่อย เพื่อที่จะช่วยให้เราสามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องและถูกวิธี
ปัญหาจุดซ่อนเร้น ที่พบได้บ่อยมีดังต่อไปนี้
1. มีอาการคัน ตกขาวหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
อาการคัน ตกขาว หรือ จุดซ่อนเร้นมีกลิ่น สามารถพบได้บ่อยโดยเฉพาะในยามที่จุดซ่อนเร้นเกิดความอับชื้น ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือแบคทีเรียมากกว่าปกติ
สาเหตุของความอับชื้น อาจเกิดจากการสวมใส่เสื้อผ้าที่มีความชื้น ไม่สะอาดหรือเสื้อผ้ารัดรูปเกินไป รวมไปถึงปัจจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนจนถึงร้อนมาก ทำให้จุดซ๋อนเร้นอับชื้นได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ การมีร่างกายที่อ้วนมาก แค่ยืุนเฉยๆ ขาก็มาชนกันแล้ว ทำให้จุดซ่อนเร้นถูกอบอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งเป็นสภาวะที่เชื้อราชอบมาก) จึงทำให้คุณผู้หญิงเกิดอาการคัน มีตกขาวและมีกลิ่นที่จุดซ่อนเร้น
ส่วนสาเหตุอื่นๆ เช่น การใส่แผ่นอนามัยโดยไม่เปลี่ยนระหว่างวันหรือใส่เป็นเวลานานๆ จะยิ่งทำให้เกิดความอับชื้นเป็นทวีคูณ และอีกสาเหตุที่พบบ่อยคือ การทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นไม่สะอาดเพียงพอ
หรือทำความสะอาดมากเกินไปจนเกิดการเสียสมดุล ทำให้จุดซ่อนเร้นนั้นมีความเป็นด่างเพิ่มขึ้น เชื้อราและแบคทีเรียจึงเจริญเติบโตได้ง่ายกว่าปกติ เป็นเหตุให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
หากมีอาการตามลักษณะนี้ สามารถคาดเดาได้ว่าเกิดจากการติดเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง ควรสังเกตว่ามีการตกขาวในจุดซ่อนเร้นหรือไม่ ลักษณะของตกขาวเป็นอย่างไร
ถ้าเป็นการตกขาวจากเชื้อราที่เกิดจากความอับชื้น จะมีลักษณะเป็นแป้งและมักมีอาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นร่วมด้วย ส่วนการตกขาวจากเชื้อแบคทีเรียจะมีกลิ่นเหม็นคาวหรือมีกลิ่นภายหลังมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
โดยการรักษาสุขลักษณะอนามัยทั่วไปแล้วยังไม่สามารถบรรเทาเรื่องอาการดังกล่าวได้ และมีอาการติดต่อเป็นระยะเวลายาวนาน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคและให้การรักษาต่อไป
2. เลือดออก (ผิดปกติ) ที่ไม่ใช่ประจำเดือน
อาการเลือดออกผิดปกติ เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยของสุภาพสตรี ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคที่มีระดับความรุนแรงน้อยไปจนถึงความรุนแรงมาก เช่น โรคมะเร็ง
โดยเริ่มแรกหากพบความผิดปกติที่เกิดขึ้น ควรสังเกตตัวเองก่อนว่าน่าจะมีสาเหตุมากจากอะไร ซึ่งปกติอาการนี้มักเกิดขึ้นได้กับผู้ที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์
คนที่กินยาคุม ยาเลื่อนประจำเดือน หรือเป็นเพียงเลือดที่ออกหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ แต่หากอาการยังไม่หายไปและมีปริมาณมากขึ้น มีสีและกลิ่นที่ผิดปกติ
ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ เพื่อให้การรักษาต่อไไปได้ทันเวลา
3. มีตุ่มหรือผื่นคันขึ้นบริเวณจุดซ่อนเร้น
ตุ่มหรือผื่นคันที่เกิดขึ้นนั้น บางชนิดอาจไม่อันตรายร้ายแรง แต่เป็นเพียงความผิดปกติของชั้นผิวหนัง แต่เมื่อใดก็ตามที่ตุ่มนั้นมีอาการเจ็บ เป็นหนองหรือมีขนาดใหญ่มากขึ้น
ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะนั่นอาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการติดเชื้อที่รุนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป
4. รู้สึกปวดร้าวภายใน ‘จุดซ่อนเร้น’
อาการปวดร้าวมักจะมีสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับเยื่อบุโพรงมดลูก โดยจะรู้สึกปวดหน่วงๆเมื่อถูกกระทบหรือปวดร้าวภายในอย่างหนักขณะมีเพศสัมพันธ์
อาการเหล่านี้มักจะไม่ใช่เรื่องปกติ และควรได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ในช่วงที่เยื่อบุโพรงมดลูกมีปัญหา
วิธีทำความสะอาด “จุดซ่อนเร้น”
อย่างถูกวิธี ต้องทำอย่างไร ?
จุดซ๋อนเร้น ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลรักษาความสะอาด เนื่องจากเป็นจุดเสี่ยงต่อความอับชื้นและเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่าย
ดังนั้น คุณผู้หญิงควรต้องมีความรู้ที่ถูกต้องในการดูแลรักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นเพื่อป้องกันการระคายเคือง
และควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งวิธีทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น มีดังนี้
1) ขณะอาบน้ำ
ในขณะอาบน้ำ ควรทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะ แทนที่จะใช้น้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวหรือใช้สบู่หรือสบู่เหลว
เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ช่วยทำให้บริเวณจุดซ่อนเร้นมีความเป็นกรดอ่อนๆได้ดีกว่า สามารถป้องกันการเจริญเติบโตของยีสต์ เชื้อราและแบคทีเรียได้ดี
ช่วยลดอาการคัน อาการตกขาวและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่จุดซ่อนเร้นได้ ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยน ปราศจากสารพาราเบน สารแต่งสีและแอลกอฮอล์
เพื่อไม่ให้ทำลายสมดุลของผิวบริเวณจุดซ่อนเร้น และหลังทำความสะอาดเสร็จ ควรซับให้แห้ง ไม่ควรปล่อยอับชื้นและไม่ควรทาแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้นหลังอาบน้ำ
เพราะเมื่อแป้งพบกับความชื้น จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ง่าย
2) หลังปัสสาวะเสร็จ
การทำความสะอาดหลังปัสสาวะเสร็จ ให้ใช้กระดาษชำระซับให้แห้ง เพื่อลดความอับชื้นที่มีโอกาสเกิดขึ้น หรือหากมีประจำเดือนให้ใช้สายชำระฉีดเบาๆ จากนั้นให้ใช้กระดาษชำระซับให้แห้งเช่นกัน
หากเป็นการอุจจาระ อย่าใช้กระดาษเช็ดจากบริเวณทวารหนักมากยังบริเวณจุดซ่อนเร้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
3) ช่วงที่มีประจำเดือน
ช่วงที่มีประจำเดือนจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากจุดซ่อนเร้นมีความเป็นด่างจากประจำเดือนที่ออกมา จึงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 2-3 ชั่วโมงในวันที่มามาก
และล้างทำความสะอาดจุดซ๋อนเร้นด้วยน้ำสะอาด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นให้กลับมามีสภาพเป็นกรดอ่อนๆโดยเร็ว ไม่ควรใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีที่มีความเป็นด่าง
เพราะอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองและอาจมีโอกาสติดเชื้อสูงขึ้้น
4) หลังการมีเพศสัมพันธ์
หลังการมีเพศสัมพันธ์ให้ปัสสาวะออกมา ซึ่งเป็นการทำให้น้ำอสุจิและสารคัดหลั่งไหลออกมา จากนั้นล้างทำความสะอาดแค่ภายนอก ไม่ควรสวนล้างเข้าไปข้างในจุดซ่อนเร้นเด็ดขาด
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จากนั้นซับให้แห้งเพื่อลดความอับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้น
ข้อย้ำอีกครั้ง : ข้อควรระวังในการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นคือ ไม่ควรสวนล้างจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำ เพราะจะทำลายแบคทีเรียชนิดดีที่คอยทำลายเชื้อโรคจากภายนอก
ทำให้จุดซ่อนเร้นเสียสมดุล มีโอกาสติดเชื้อ จนอาจเกิดอาการคัน ตกขาวและจุดซ่อนเร้นมีกลิ่นได้
ปัญหาจุดซ่อนเร้น เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้ามและหากพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะเข้ารับคำปรึกษาหรือตรวจวินิจฉัยจากแพทย์
เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรคที่เพิ่มมากขึ้นหรือวินิจฉัยได้รวดเร็วเมื่อเป็นโรคร้ายแรง หากเราสามารถดูแลตนเองและลดปัญหาของจุดซ่อนได้ดี ก็จะช่วยให้มีความสุขเพิ่มขึ้น พร้อมกับการมีคุณภาพชีวิตที่ดี
บทความที่น่าสนใจ
- น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นจีน่า Giena Sensitive Feminine Wash
- วิธีแก้ตกขาวแบบง่ายๆ
- วิธีดูแล ‘จุดซ่อนเร้น’ ช่วงมีประจำเดือน