
ติด ‘สเตียรอยด์’ ก็ดีท็อกได้
เภสัชกรโรงพยาบาลแห่งนึงกำลังจ่ายยาให้กับคนไข้โรคหอบหืดที่เพิ่งได้รับการพ่นยาขยายหลอดลมในห้องตรวจฉุกเฉินมา
แพทย์สั่งยาให้ผู้ป่วยรายนี้ 2 อย่างคือ ยาพ่นสเตียรอยด์ให้ใช้ทุกวันเพื่อป้องกันการจับหืดกับยาพ่นขยายหลอดลม หลังจากที่ได้อธิบายการใช้ยาอย่างละเอียด..
ลุงแกก็รีบบอกทันทีว่า “ไม่ต้องอธิบายมากก็ได้ ลุงไม่เคยใช้ยานี้เลย มันไม่ได้เรื่อง.. ใช้ยังไงก็จับหืดเหมือนเดิม” เลยถามถึงสาเหตุที่ไม่ได้ใช้ยา ปรากฏว่าหลายเดือนที่แล้วลุงไปรับยาจากร้านยาที่หมู่บ้านมา เป็นยาเม็ดสีชมพูต้องกินวันละ 10 เม็ด (เม็ดละ 4 บาท) กินแล้วไม่จับหืด กินมาเป็นเดือนแล้ว ที่มาหาหมอก็เพราะไม่มีเงินไปซื้อยาที่ว่า
ที่ร้านสั่งไว้ว่าถ้าจับหืดขึ้นมาในช่วงที่ไม่มียาสีชมพูให้ไปรับยาคุณภาพต่ำกว่าที่โรงพยาบาลก่อน
ถึงกับอึ้ง! แค่ฟังก็รู้แล้วว่ายาที่ลุงได้คือยาอะไร? พยายามอธิบายว่าการรักษาโรคหืดในระยะจับหืดนั้นไม่ใช่การรักษาด้วยสเตียรอยด์แต่ต้องเป็นการให้ยาขยายหลอดลม เมื่ออาการจับหืดหายไปค่อยใช้ยาพ่นสเตียรอยด์พ่นทุกวัน ร่วมกับหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการจับหืด
ถ้ามีอาการหอบเหนื่อยหรือจับหืดให้ใช้ยาขยายหลอดลมชนิดพ่น ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ควรมาโรงพยาบาล ซึ่งกรณีนี้แพทย์เจ้าของไข้ทำถูกต้องแล้ว แต่ไม่ว่าจะอธิบายยังไงลุงก็ยังยืนยันไม่ใช้ยาพ่นและจะไปหาเงินซื้อยาเม็ดสีชมพูอยู่ดี
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้ที่ใช้ยาผิดๆ ยังยึดกับการรักษาอาการให้หายโดยไม่สนใจว่าโรคจะหายหรือไม่..! ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ธุรกิจยาชุด ยาตำโบราณ(เถื่อน) ทั้งหลายรุ่งเรืองเฟื่องฟูมาจนปัจจุบัน
เกิดอะไรขึ้น? เมื่อเราเจ็บป่วย
การเจ็บป่วยของคนเราที่แสดงออกมารูปแบบต่างๆเช่น อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไข้ ไอ หอบ และอาการเจ็บปวดต่างๆนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เชื้อโรคไปทำลายเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ซึ่งที่จริงแล้วถือว่าเป็นเพียงเล็กน้อย
อาการที่รู้สึกและมองเห็นส่วนใหญ่เกิดจากร่างกายของเราทำเองต่างหาก โดยเป็นปฏิกริยาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายซึ่งตัวหลักๆก็คือ เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ปกป้องเรา
คนเป็นหวัด เชื้อไวรัสก็แค่เข้าไปเกาะทำลายเนื้อเยื่อเพียงเล็กน้อย แต่อาการไข้และเจ็บอักเสบคอแดงที่เป็นสาเหตุของการไม่สบายตัว ระบบภูมิคุ้มกันของเราเองเป็นตัวการปล่อยสารก่อไข้ และการเจ็บอักเสบทั้งนั้น
ไม่ใช่ว่าร่างกายของเราต้องการทำร้ายตนเองหรอก แต่ว่าการเกิดไข้และการอักเสบเป็นการเร่งให้เกิดการทำลายล้างเชื้อโรคที่บุกรุกให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้หายจากโรคได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มียาบางตัวที่ถูกนำมาใช้เพื่อยับยั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวเพื่อใช้ประโยชน์ในการรักษานั่นคือ “ยาสเตียรอยด์” นั่นเอง
- คนมีไข้ ได้ยาไปไข้ก็ลดลงอาการเจ็บเนื้อตัวก็หายไป
- คนปวดข้อ ปวดเข่าแดงบวมข้อแท้ๆได้ยาตัวนี้ไปแข้อก็ไม่ปวดไม่เจ็บอีก
- เคยเป็นโรคหืด พอเจออากาศหน้าฝนเข้าไปก็จับหืด แต่พอได้ยานี้ไปถึงฝนจะตกฟ้าจะร้องยังไงก็ไม่จับ สเตียรอยด์จึงเป็น “ยาวิเศษ”จริงๆในสายตาชาวบ้าน ที่ไม่รู้เท่าทันพิษร้ายของมัน
การที่ร่างกายสามารถรับสเตียรอยด์ได้เนื่องจากร่างกายเองก็มีการสร้างสเตียรอยด์ออกมาเพื่อควบคุมการทำงายของระบบต่างๆในร่างกายอยู่แล้ว โดยมีการควบคุมมาจากสมองส่งมายังต่อมหมวกไต เพื่อให้หลั่งสารสเตียรอยด์ออกมา ซึ่งร่างกายจะนำไปใช้ในการควบคุมการทำงานของระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอด
มารู้จัก ‘สเตียรอยด์’ กัน
สเตียรอยด์ เป็นชื่อเรียกกลุ่มฮอร์โมนที่ถูกสร้างจากต่อมหมวกไตภายในร่างกายของคนเรา หลักๆ มีอยู่ 2 ชนิด คือ คอติซอล(Cortsol) กับอัลโดสเตอโรน(Aldosterone) จะถูกสร้างสูงสุดตอนตื่นนอน และต่ำสุดตอนที่เรานอน
นอกจากนี้ตอนที่มีความเครียดต่างๆ ไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจร่างกายก็จะหลั่งสารสเตอรอยด์ออกมามากขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อควบคุมความกดดันเหล่านั้น เชื่อว่าถ้าไม่มีสเตอรอยด์เลย อาจทำให้เราถึงตายได้ทีเดียว
ประโยชน์ของสเตียรอยด์
- ใช้ทดแทนภาวะขาดฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ข้ออักเสบเฉพาะที่รุนแรงควบคุมไม่ได้ด้วยยา โดยรับประทาน หรือฉีดเข้าข้อโดยตรง
- หัวใจอักเสบรูมาติก โรคไต บางชนิด เช่น Nephrotic syndrome,Glomerulonephritis,
- โรคเกี่ยวกับคอลลาเจนบางชนิด เช่น Polymyositis, Polyarteritis nodusa, SLE,โรคภูมิแพ้ที่รุนแรง ควบคุมด้วยยามาตรฐานแล้วไม่ได้ผล เช่น หอบหืดอย่างรุนแรง โรคปอดเรื้อรัง ส่วนใหญ่ใช้รูปของยาพ่น กิน หรือ ฉีด โรคตา ในรูปหยอด หรือป้ายตา โรคผิวหนังผื่นแพ้ จะเป็นยาทาเฉพาะที่
- โรคทางเดินอาหาร ได้แก่ Ulcerative colitis, Crohn’s disease โรคตับ Subacute Hepatic Necrosis, Chronic active Hepatitis, ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์และตับแข็งในสตรีที่ไม่ดื่มสุรา โรคมะเร็งในโรค Lymphoblastic Leukemia
- มะเร็งเต้านม ป้องกันการอาเจียนในผู้ที่ได้รับยาต้านมะเร็ง
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง โรคโลหิตจาง
- ใช้กับการปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อให้เกิดการยอมรับอวัยวะผู้อื่นดีขึ้น
พิษร้ายสเตียรอยด์
แม้ว่าในทางการแพทย์ ‘สเตียรอยด์’ จะมีคุณประโยชน์ในการรักษาอันมากมาย แต่ไม่ควรซื้อยานี้ใช้เองโดยไม่มีแพทย์คอยดูแล เนื่องจากผลข้างเคียงของสเตียรอยด์นั้นมีมากมายเช่นกัน..
- เลือดออกในกระเพราะอาหาร เนื่องจากสเตียรอยด์ไปทำให้ผนังกระเพาะอาหารและลำไส้บางลงและเสียความสามารถในการป้องกันกรดในทางเดินอาหารที่หลั่งมาเพื่อย่อยอาหารได้ดังนั้นหากใช้สเตียรอยด์ไปนานๆผนังทางเดินอาหารก็จะบางตัวลงจนถึงขั้นทะลุ และมีแผลเลือดออกได้ ถ้ารับการรักษาไม่ทันท่วงทีก็เสียชีวิต
- กระดูกบาง การใช้สเตียรอยด์จะไปกระตุ้นเซลล์ในกระดูกชนิดหนึ่งร่วมกับกระตุ้นระบบฮอร์โมน ทำให้กระดูกละลายบางลง ซึ่งในคนสูงอายุก็จะลงท้ายด้วยโรคกระดูกพรุนและเกิดกระดูกหักได้ง่าย
- ร่างกายหยุดสร้างเสตียรอยด์ เพราะได้สเตียรอยด์จากภายนอกไปมากพอแล้ว และหากวันใดไม่ได้รับสเตียรอยด์จากภายนอกเข้าไป แล้วเจอเรื่องเครียด(เจ็บป่วย อดอาหาร เครียด) ร่างกายก็จะขาดสเตียรอยด์อย่างฉับพลัน ทำให้ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน อาจทำให้ความดันโลหิตตกลงฉับพลัน หมดสติและเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
- กดภูมิคุ้มกันของร่างกาย บดบังอาการติดเชื้อต่างๆ เมื่อร่างกายติดเชื้อก็จะไม่มีอาการเจ็บไข้ให้เห็น ทำดูเหมือนสบายดี และเนื่องจากสเตียรอยด์กดภูมิคุ้มกันของร่างกายเอาไว้ ดังนั้นกว่าจะรู้ตัวอีกทีเชื้อโรคก็เจริญเติบโตเริงร่าไปทั่วร่างกายแล้ว ซึ่งอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้
- ยับยั้งการเติบโตในเด็ก ทำให้เด็กเติบโตช้าและหยุดสูงเร็วกว่าปกติ อันนี้ไม่ถึงขั้นเสียชีวิตนะ แต่เลี้ยงไม่โต
- น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงในผู้ป่วยเบาหวาน หรืออาจทำให้ระดับน้ำตาลควบคุมได้ยาก หากน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับที่สูงมากอาจทำให้ช็อคและเสียชีวิตได้
โดยปกติ ยาสเตียรอยด์ ถูกจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ไม่สามารถขายได้ถ้าไม่มีใบสั่งแพทย์ โดยทั่วไปก็ไม่มีหมอคนไหนสั่งสเตียรอยด์ให้คนไข้สุ่มสี่สุ่มห้าเพราะว่า ผลสุดท้ายที่ออกมาก็คือการรักษาจะไม่ดีขึ้นในระยะยาว
ผู้ที่ใช้สเตียรอย์มาต่อเนื่องยาวนานส่วนใหญ่จะมีความเชื่อว่าเภสัชกรหรือแพทย์นั่นแหละที่แอบจ่ายยาสเตียรอยด์ให้เขาโดยไม่บอก และไม่รู้ว่าตัวเองไปโดนมาจากไหน? หรือไม่เชื่อว่าตัวที่ใช้อยู่นั่นแหล่ะที่ผสมสเตียรอยด์
แหล่งสเตียรอยด์ที่สำคัญของคนไทย
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าไม่ได้มีเจตนาดูถูกภูมิปัญญาชาวบ้าน เพราะที่ดีก็มีอยู่จำนวนมาก แต่เนื่องจากพ่อค้าบางรายชอบหยิบเอาประเด็นสมุนไพรและภูมิปัญญาชาวบ้านมาแอบอ้างเวลาทำการโฆษณาขายยาตามหมู่บ้าน แบบไม่ลงทุนก็ขายเป็นยาลูกลอน ลงทุนหน่อยก็ขายเป็นยาหม้อ
- ยาลูกกลอนที่ว่าก็เอาพืชผักอะไรไม่รู้ บางทีก็เป็นสมุนไพรจริงนำมาตากแห้งบดเป็นผงละเอียดมาปนกับผงยาสเตียรอยด์ จากนั้นผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลมๆเป็นอันเสร็จพิธี พ่อค้าที่ฉลาดบางรายจึงเปลี่ยนใหม่เป็นการนำสมุนไพรซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิ่งไม้ข้างทาง เถาไม้เลื้อย ใบไม้แห้งต่างๆมารวมกัน เอาไปผ่านกรรมวิธีอาบน้ำยาสเตียรอยด์ ก่อนนำไปตากแห้งแล้วแต่งสีให้ดูปกติ เอามารวมเป็นชุดๆขาย ก็เท่ากับดื่มยาสเตียรอยด์เข้าไปแล้ว
- ยาพระ สเตียรอยด์อาจอยู่ในอีกรูปแบบโดยอ้างว่าเป็นยาพระโดยมีทั้งพระจริง และพระเช่นการอ้างเกจิอาจารย์ดังๆ ในอดีต หรืออุปโลกน์พระที่ไม่มีตัวตนขึ้นมาแล้วอ้างตำราของท่านเหล่านั้น ถ้าอ้างให้เชื่อถือก็อ้างส่วนผสมแล้วใช้คำไทยๆ เช่น เกสรทั้ง 5 รากทั้ง 6 ลำต้นทั้ง 7 อะไรทำนองนี้เอาแปะไว้ที่หน้าห่อ
- ยาชุด ยาชุดในที่นี้ไม่ใช่ชุดที่รับจากแพทย์หรือเภสัชกรซึ่งมีการระบุชื่อไว้อย่างชัดเจน ให้นึกถึงยาหลากหลายสีในถุงยาใสเล็กๆวิธีกินคือ กินทีละซองขายตามร้านของชำ ปั๊มเล็กๆ หรือร้านยาที่ไม่มีเภสัชกรประจำร้าน อ้างสรรพคุณครอบจักรวาลทั้งแก้ปวดเมื่อย กษัยเส้น ช่วยเจริญอาหาร ที่ร้ายไปกว่าคือ อ้างสรรพคุณว่าเป็นยาบำรุง ไม่ใช่ยาชุด
- สรุปว่าไม่ว่าจะเป็นยาอะไรจากใครก็ตาม หากคุณเห็นว่าใส่รวมๆกันไม่มีชื่อยาก็ควรถามชื่อยา จากคนที่เอายาให้ก่อนเพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่ควรทราบ แต่ถ้าถามชื่อยาแล้วตอบแค่ว่าเป็นยารักษาอาการอะไร ประมาณว่ายาลดปวด ยาลดบวมข้อ ยาเส้น ยาแก้ไอ เป็นต้น ก็ให้คิดเผื่อใจไว้เลยว่าใช่
- ยานี้มี อย. การนำเสนอแบบนี้นับเป็นรูปแบบใหม่ที่กำลังนิยม มีทั้งบอกปากเปล่าหน้าตาเฉยว่า “ยาของเราไม่ผสมสเตียรอยด์ และได้รับการรับรองจากอย.แล้ว” หรือที่ร้ายกว่านั้นก็ทำตราอย.ปลอมเองซะเลย ซึ่งเป็นกลอุบายหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมาเถียงกับแพทย์ว่าไม่ได้กินสเตียรอยด์หรอกเพราะมี อย. แต่พอนำไปทดสอบจริงก็จะพบสารสเตียรอยด์
ยาสเตียรอยด์มีประโยชน์ในทางการแพทย์มากมาย แต่ผลข้างเคียง(พิษ) ของยานี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จึงไม่ควรซื้อมาทานเองใช้เองโดยเด็ดขาด
ติดเสตียรอยด์ไปแล้ว ทำยังไงดี?
เมื่อเกิดการติดเสตียรอยด์เข้าแล้ว หนทางแก้คุณต้องเลือกว่า “จะเอาเสตียรอยด์ออกดีหรือเอาไว้” เพราะมีผลข้างเคียงทั้งสองอย่าง แต่การเอาออกเราจะได้ความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีกลับคืนมาในระยะยาว ไม่ต้องตกเป็นทาสเสตียรอยด์อีกต่อไป..
เนื้อวุ้นของสมุนไพรว่านหางจระเข้นี่แหล่ะ.. มีฤทธิ์ในการดูดซับสารพิษ สารตกค้างได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถใช้ทานหรือทาเพื่อดีท็อกสารพิษหรือล้างสารเสตียรอยด์ออกจากร่างกายได้
คลิป : ดีท็อกสารพิษด้วยน้ำว่านหางจระเข้ S Vera plus
>> ดีท็อกเสตียรอยด์ด้วยน้ำว่านหางจระเข้ <<
>> กำจัดเสตียรอยด์ด้วยเจลว่านหางจระเข้ <<
>> ดีท็อกยังไง ให้ปลอดภัย <<