
ต่อมลูกหมากโต สังเกตจาก ปัสสาวะบ่อย และเล็ด
ปัญหาปัสสาวะเล็ดราดไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เนื่องจากไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่รบกวนความปกติของชีวิตประจำวันเป็นอย่างมากทีเดียว
อาการของโรคนี้มีตั้งแต่อาการเบาสุดไปจนถึงหนักสุด อาการเบาๆก็คือปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ และอาการที่หนักสุดก็คือ ห้ามใจไม่ได้เลย ปวดทีไรต้องเข้าห้องน้ำทุกที ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ แถมปวดทีไรก็จะมี ปัสสาวะเล็ด ออกมา
เช่นเดียวกับเวลาไอหรือจามหรือแม้กระทั่งหัวเราะบางคนก็มีปัสสาวะเล็ดออกมาด้วยเช่นกัน ปัญหานี้ในผู้ชายส่วนใหญ่มักจะพบในผู้สูงอายุ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากปัญหา “ต่อมลูกหมากโต” ซึ่งจะแตกต่างกันจากผู้หญิง ซึ่งจะพบปัญหานี้ในแทบทุกช่วงอายุเลย และจะพบมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
การแพทย์มักเรียกอาการนี้ว่า โอเอบี(OAB) ซึ่งย่อมาจาก Overactive Bladder หมายถึงกระเพาะปัสสาวะทำงานไวและมีการบีบตัวไม่เป็นจังหวะ แต่ก่อนอื่นเราต้องย้อนไปดูก่อนว่ากระเพาะปัสสาวะมันทำงานอย่างไรบ้าง?
กระเพาะปัสสาวะทำงานอย่างๆไร?
กระเพาะปัสสาวะ ทำหน้าที่เป็นตัวเก็บและยังเป็นตัวขับปัสสาวะ หน้าที่ของมันก็คล้ายๆกันกับลูกโป่ง คือ มีลักษณะยืดได้และก็ต้องหดลงมาได้ เมื่อไรก็ตามที่มันยืดหมายถึงปัสสาวะมันจะเข้ามาเก็บอยู่ในถุงใบนี้ ซึ่งมันจะเก็บไว้ประมาณหนึ่งร้อยหรือสองร้อยซีซีแล้วเราก็จะเริ่มรู้สึกปวดปัสสาวะนิดๆ สำหรับคนทั่วไปก็จะส่งความรู้สึกมาที่สมอง แล้วรอก่อนได้ กระทั่งมันยืดต่อไปจนถึงประมาณ 3-4 ร้อยซีซีก็จะเริ่มปวดมาก
แต่ถ้าหากเราก็ยังจะควบคุมได้ 5 นาที หรือ 10 นาที หรือเลื่อนต่อไปได้ แต่ถ้าเราจะไปปัสสาวะในช่วง 3-4 ร้อยซีซีกระเพาะปัสสาวะมันจะบีบตัวของมันเอง พอไปถึงห้องน้ำมันก็จะบีบตัวออกมาเองโดยที่เราไม่ต้องเบ่ง อันนี้คือการทำงานที่เป็นปกติ
ปกติคนเรานั้นจะมีการปัสสาวะอยู่ประมาณ 8 ครั้งต่อวัน ปริมาณปัสสาวะจะอยู่ที่สองลิตรครึ่งต่อวัน ซึ่งถือว่ามากแล้ว แต่ถ้าปัสสาวะสิบครั้งต่อวันและครั้งละ 3 ร้อยซีซีขึ้นไปจะเท่ากับสามลิตร ซึ่งปริมาณ 3 ลิตรนี้ถือว่าเยอะเกินไป อย่างไรก็ดีสำหรับคนที่เกิดอาการโอเอบีนี้ มักจะปัสสาวะครั้งหนึ่งไม่ถึงสามร้อยซีซี (อาจจะ 50-100 ซีซี) แต่อาจจะปัสสาวะวันหนึ่งถึง 20 หนเลยทีเดียว
โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชาย สาเหตุเนื่องมาจากผู้หญิงจะมีหูรูดซึ่งทำหน้าที่ปลดปล่อยปัสสาวะเพียงสองอัน แต่ผู้ชายมีสามอัน อีกทั้งผู้ชายมีกล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะปัสสาวะที่แข็งแรงกว่าด้วย และเมื่อถึงวัยล่วงเลย การทำงานของหูรูดนั้นเสื่อมสภาพลงทำให้การควบคุมปัสสาวะได้น้อยลงตามไปตามลำดับ
ขณะที่ผู้ชายเมื่อถึงวัยหนึ่งต่อมลูกหมากที่โตขึ้นจะไปก่อให้เกิดการระคายเคืองที่กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการบีบตัวบ่อยขึ้น ทำให้โอกาสที่จะเกิดอาการโอเอบีสูงมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ต่อมลูกหมากของเพศชายยังมีส่วนสำคัญในการป้องกันไม่ให้ ปัสสาวะเล็ด อีกด้วย
ปัญหาปัสสาวะเล็ดที่พบในผู้ชายนั้นมักเกิดจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินมากกว่าสาเหตุอื่นๆ มักพบในผู้สูงอายุและพบร่วมกับภาวะ “ต่อมลูกหมากโต” ดังนั้นผู้ป่วยชายที่มีปัญหากระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินไปและ ต่อมลูกหมากโต แพทย์มักแนะนำให้รักษาภาวะต่อมลูกหมากโตก่อนเนื่องจากบ่อยครั้งที่รักษาภาวะต่อมลูกหมากโตแล้ว ปัญหากระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน ปัสสาวะบ่อยก็จะดีขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งอัตราเฉลี่ยของผู้มีโอกาสจะเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่มักเริ่มต้นที่อายุ 40 ปีขึ้นไป
นอกจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาปัสสาวะเล็ดราดที่พบได้คือผลข้างเคียงหลังจากการผ่าตัดหรือฉายแสง ซึ่งอาจส่งผลให้การทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดในผู้ป่วยบางรายแย่ลง จึงตามมาด้วยปัญหาปัสสาวะเล็ดราด ต่อมลูกหมากโตกับปัญหาระบบทางเดินปัสสาวะ
ภาวะต่อมลูกหมากโตพบได้ถึงร้อยละ50 ในผู้ชายที่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และพบได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ในผู้ชายอายุ 80-90 ปี แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีอาการและไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องรักษานะ อย่างแรกต้องดูก่อนว่ามีอาการผิดปกติใดหรือไม่? โดยอาการผิดปกติดังกล่าวมักเกิดกับระบบทางเดินปัสสาวะเช่น ปัสสาวะไม่สุด อั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะไม่พุ่ง ต้องเบ่งปัสสาวะ ต้องตื่นมาปัสสาวะบ่อยๆ ในตอนกลางคืนเป็นต้น ทั้งนี้ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการเด่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางรายมีอาการเด่นคือปัสสาวะไม่สุด บางรายปัสสาวะบ่อยแบบนี้เป็นต้น
วิธีสังเกตอาการผิดปกติของต่อมลูกหมาก
- ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะตอนกลางคืน
- ต้องเบ่งปัสสาวะ หรือต้องรอนาน
- ปัสสาวะสะดุด (ไหลๆ หยุดๆ)
- ปัสสาวะไม่สุด (มีหยดตามมาอีก)
- ปวดปัสสาวะแล้วกลั้นไม่อยู่ ต้องรีบไปเข้าห้องน้ำ
- ถุงอัณฑะเย็น หรือชื้น
- ตื่นนอนตอนเช้า มีน้ำเหนียวๆติดอยู่ที่บริเวณปลาย
- ปวดถ่วงที่อวัยวะ หรือฝีเย็บ
- คันยิบๆหรือแสบร้อนภายในหรือบริเวณอวัยวะเพศ
- ปวดบั้นเอวช่วงล่าง
หากมีอาการดังกล่าว 3 อย่างขึ้นไป สันนิษฐานได้เลยว่ามีความผิดปกติบางอย่างกับต่อมลูกหมากของคุณ ควรจะหันมาใส่ใจสุขภาพของต่อมลูกหมากอย่างจริงจังก่อนที่จะนำไปสู่กรวยไตอักเสบและไตวายเรื้อรังได้ในที่สุด
ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตส่วนใหญ่จะรักษาด้วยยาซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอาการดีขึ้นหลังจากใช้ยา ในกรณีผู้ป่วยบางรายที่มีปัญหาปัสสาวะไม่ออกหรือมีอาการรุนแรง หรือรับประทานยาแล้วไม่ได้ผล จึงต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
ซึ่งปัจจับันเป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้องเกือบทั้งหมดและมีด้วยกันหลายเทคนิค เช่น การส่องกล้องเข้าไปแล้วใช้ลวดไฟฟ้าขูด (Transurethral Resection the Prostate : TURP) ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้มานานกว่า50 ปี และยังคงเป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้กันมากในการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต
นอกจากนี้ยังมีวิธีรักษาด้วยการใช้เลเซอร์ ซึ่งผู้ป่วยจะมีเลือดออกน้อยกว่าและอยู่โรงพยาบาลสั้นกว่าแต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาแพงกว่าTURPมาก อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพในการผ่าตัดรักษาของทั้ง 2 วิธีนี้เท่ากัน แต่ระยะเวลาในการรักษาและฟื้นตัวอาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย โดยเฉลี่ยแล้วไม่ว่ารักษาแบบไหน ผู้ป่วยจะต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังการผ่าตัดอย่างน้อย 1 เดือนโดยระหว่างนั้นผู้ป่วยต้องงดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากและควรระวังอย่าให้ท้องผูก อย่าขับรถ อย่ายกของหนัง หลังจากผ่านไป 1 เดือนจึงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง ผู้ป่วยส่วนใหญ่หากผ่าตัดไปแล้วก็ไม่ต้องรับประทานยาอีกเลย โดยมากแค่นัดตรวจติดตามอาการปีละครั้ง
ผู้ชายทุกคนต้องทำใจไว้อย่างหนึ่งว่าเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งจะต้องพบกับภาวะต่อมลูกหมากโตแน่ๆ แต่ไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไปนะครับ เพราะต่อมลูกหมากโตเป็นเรื่องของธรรมชาติ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันก็สามารถรักษาและช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งผู้ป่วยสามารถพูดคุยปรึกษากับแพทย์ถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้อย่างเปิดเผย
ในส่วนของปัญหาปัสสาวะเล็ดราด โดยหลักการในการรักษาปัญหาปัสสาวะในผู้สูงอายุที่ผู้ป่วยสามารถทำได้ด้วยตนเองคือการปรับพฤติกรรมบางอย่าง เช่น ลดคาเฟอีน แอลกอฮอร์ และเนื่องจากผู้สูงอายุมักมีปัญหาตื่นมาปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดในมื้อเย็น ไม่ควรรับประทานอาหารรสเค็ม เพราะการขับเกลือออกจากร่างกายต้องใช้เวลา จึงทำให้ต้องตื่นมาปัสสาวะตอนกลางดึก ในกรณีที่ผู้ป่วยได้ปรับการใช้ชีวิตและได้ผลออกมาในระดับที่ผู้ป่วยเองก็พอใจ อาจไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีอื่นๆเพิ่มเติมก็ได้
ภาวะต่อมลูกหมากโตสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง ด้วยการควบคุมอาหาร ลดปริมาณเนื้อสัตว์และอาหารที่มีไขมันสูง เสริมด้วยสมุนไพรเช่น ถั่งเช่า,โสม หรือสารสกัดจากหอยนางรมซึ่งช่วยขยายหลอดเลือดและลดอัตราเสี่ยงของต่อมลูกหมากได้
>> ลดความเสีี่ยงของต่อมลูกหมากได้ด้วย Square <<
>> โสม ยอดสมุนไพรเสริมสุขภาพ <<
>> ถั่งเช่า ราชาแห่งพืชสมุนไพรจีน <<
>> Square ยกกำลัง3 ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ <<