FAQ, ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

“ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” ภัยร้ายจากการหลับไม่เต็มอิ่ม

%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b8%82%e0%b8%93%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a-sleep-disorder

แม้ว่าการนอนหลับจะเป็นการพักผ่อนร่างกายที่ดีที่สุด แต่ปัญหาจากการนอนที่ผิดปกตินั้น อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่เป็นอันตรายได้ ขอยกตัวอย่างสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ”

โดยเป็นภาวะที่สืบเนื่องมาจากการนอนหลับไม่สนิท นอนกรน จนนำมาซึ่งการหายใจผิดปกติขณะนอนหลับ และถือเป็นอาการของการนอนหลับผิดปกติ (Sleep Disorders)

สาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

1. อายุมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อตรงคอที่หลอดลมเริ่มหย่อนยาน ส่วนใหญ่จะเกิดตอนช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

2. อ้วน หรือ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเร็ว ยิ่งมีน้ำหนักมากก็มีโอกาสเกิดหรือมีได้สูงกว่า

3. โครงสร้างของใบหน้า โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องคอสั้น หน้าสั้น ที่พบได้บ่อยในคนเอเชีย โดยจะมีโครงสร้างที่จะทำให้ช่องทางเดินหายใจส่วนบนแคบ และยิ่งทำให้เกิด ‘ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ’ ได้ง่ายขึ้น

4. ขาดการออกกำลังกาย ยิ่งถ้าออกกำลังน้อยลง ก็จะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้หย่อนมากขึ้น

5. หลับไม่เต็มอิ่ม และมีอาการนอนกรน โดยเฉพาะคนที่นอนกรนเสียงดังมาก จนรบกวนคนข้างเคียง แต่สิ่งที่ควรรู้คือ คนนอนกรนทุกคน ไม่จำเป็นต้องมีอาการหยุดหายใจขณะหลับ 

เพียงแต่คนนอนกรนมีโอกาสหลับไม่เต็มอิ่มมากกว่าคนที่ไม่นอนกรน ตัวอย่างเช่น กลุ่มคนที่เป็นภูมิแพ้ ไซนัส ทอนซิลโต ก็จะนอนกรนแต่ไม่ได้มีปัญหาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นอนกรน

สิ่งสำคัญคือ การนอนหลับแบบไม่มีคุณภาพหรือนอนไม่เต็มอิ่มต่างหากที่จะส่งผลต่อการเกิด “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ” ได้มากที่สุด เราจึงควรสังเกตุสัญญาณเตือนที่จะบ่งชี้ว่าเรามีปัญหาในการนอน

สัญญาณเตือนว่าหลับไม่เต็มอิ่ม หลับไม่สนิท

  • ไม่สดชื่นตอนตื่นเช้า แม้ว่านอนหลับเพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชม.แล้ว
  • มักจะง่วงตอนสายๆโดยเฉพาะหลังทานข้าวเที่ยง
  • ประสิทธิภาพความคิด ความจำลดลง หลงลืมง่าย

ลักษณะอาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

เริ่มจากผู้ที่นอนกรนจะหยุดกรนไปชั่วขณะหนึ่ง ช่วงนั้นเองที่มีการหยุดหายใจ และเมื่อระดับออกซิเจนในเลือดลดลงจนถึงระดับหนึ่ง ร่างกายก็จะมีกลไกตอบสนองโดยการทำให้ตื่นขึ้น (เพื่อขัดขวางการหลับและหยุดหายใจนั้น)

ซึ่งจะมีอาการเหมือนสะดุ้งเฮือก หรือ สำลักน้ำลายตนเอง จากนั้นก็จะกลับมาเริ่มหยุดหายใจใหม่

ในการวินิจฉัยหาสาเหตุของการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับอย่างถูกต้องนั้น สามารถทำได้โดยการทำ สลีปแล็บ (Sleep Lab) ซึ่งเป็นการตรวจโดยใช้อุปกรณ์วัดในช่วงเวลาการนอน

สลีบแล็บ sleep lab

เพื่อตรวจดูความผิดปกติต่างๆ เช่น มีปัญหาเรื่องการกรนหรือไม่ ระดับออกซิเจนตกลงหรือไม่ ฯลฯ เป็นต้น ทั้งนี้ “Sleep Lab” จะประกอบด้วย การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ใต้คางและขา

การกลอกลูกตา คลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด การตรวจวัดลมหายใจทางปากและจมูก ร่วมกับความสามารถของกล้ามเนื้อหน้าอกและท้องที่ใช้ในการหายใจ ซึ่งสามารถตรวจได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ในรายที่ตรวจแล้วพบว่ามีอัตราการหยุดหายใจมากระดับหนึ่ง อาจจะต้องรับการรักษาโดยการใช้เครื่องเป่าลมในทางเดินหายใจส่วนบน หรือ CPAP 

เพื่อช่วยเปิดทางเดินหายใจและบรรเทาอาการหยุดหายใจขณะหลับ รวมทั้งอาการนอนกรน แต่ข้อเสียคือ จะต้องใช้เครื่อง CPAP ทุกคืน หากคืนใดไม่ได้ใช้ ก็จะมีอาการกรน หรือ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ได้อีก

ดังนั้นเมื่อได้รู้ถึงความสำคัญของการนอนหลับอย่างมีคุณภาพแล้ว ก็ควรใส่ใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายของเราไม่สดชื่น

นำมาซึ่งภาวะด้อยในเรื่องของประสิทธิภาพความคิด ความจำ การตัดสินใจ ทำให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

หรือส่งผลเสียต่อสุขภาพ อันได้แก่การเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น

เพื่อลดโอกาสของการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ เราจึงควรใส่ใจการนอนหลับให้มากขึ้น พึงระลึกไว้เสมอว่า ‘การนอนหลับ’ ถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่ต้องหลับอย่างมีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพในอนาคตได้

วิธีแก้โรคนอนไม่หลับด้วยนูทริก้า nutriga

>> รายละเอียด : อาหารเสริมนูทริก้า Nutriga <<
>>  รีวิวนูทริก้า Nutriga รักษาโรคนอนไม่หลับ <<

error: do not copy content!!