
ระบบไหลเวียน กับ สุขภาพ
อีกวิธีหนึ่งของการมีสุขภาพที่ดี นั่นก็คือการรักษาด้วยเอ็นไซม์บำบัด โดยเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในร่างกายเพื่อให้ยีน เอ็นไซม์และจุลินทรีย์ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างราบรื่น
อย่างที่กล่าวแล้วว่าระบบทางเดินอาหารของคนเราถูกควบคุมโดยระบบประสาทพาราซิมพาเทติกซึ่งเป็นระบบประสาทอัตโนมัติ ที่เราจะแทรกแซงการทำงานของระบบไม่ได้
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้ง 3 ฝ่าย คือ ระบบไหลเวียนเลือดและของเหลวในร่างกาย ต้องอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมส่งข้อมูล การไหลเวียนของของเหลวนี้รวมไปถึง น้ำเหลือง ระบบทางเดินอาหาร ปัสสาวะ และลมหายใจด้วย
ลมหายใจ คือ ระบบไหลเวียนของเหลว
ออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกายเราทางลมหายใจจะถูกส่งไปยังเซลล์ทั่วร่างกายผ่านทางเลือดจึงจัดเป็นการไหลของของเหลวอย่างหนึ่ง ขอเพียงการไหลเวียนทั้งหมดนี้อยู่ในสภาพพร้อม ถึงแม้ร่างกายจะถูก ละเลยไม่ใส่ใจ การแลกเปลี่ยนข้อมูลก็ยังคงเป็นไปอย่างราบรื่น
ระบบไหลเวียนเลือด กับ การไหลเวียนน้ำเหลือง
การปรับการไหลเวียนของน้ำเหลืองต้องอาศัยอาหารและน้ำ เรามักได้ยินว่าอาหารบางอย่างอาจทำให้เลือดจาง อาหารบางอย่างทำให้เลือดข้น ความจริงทั้งชนิดและปริมาณอาหารต่างก็มีผลต่อเลือดอย่างเห็นได้ชัด
และถ้าหากเปรียบเลือดเป็นต้นน้ำ เราก็ถือว่าน้ำเหลืองก็คือปลายน้ำ ดังนั้นหากระบบไหลเวียนเลือดดี การไหลเวียนของน้ำเหลืองก็จะดีขึ้นในระดับหนึ่งเช่นกัน
ความแตกต่างระหว่างระบบไหลเวียนเลือดกับน้ำเหลือง คือ เลือดต้องอาศัยการทำงานของหัวใจเพื่อส่งไปทั่วร่างกาย แต่การไหลเวียนของน้ำเหลืองอาศัยการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ
ขณะที่เราอยู่ในอริยบทเดียวท่าเดียวเป็นเวลานานๆมือเท้าจึงเกิดอาการบวม เพราะไม่มีการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อไม่มีการยืดหดตัว น้ำเหลืองจึงไหลเวียนไม่สะดวก
ดังนั้นการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การไหลเวียนของน้ำเหลืองดีขึ้น นอกจากอาหารแล้วคุณภาพและปริมาณของน้ำ รวมถึงวิธีดื่มน้ำก็มีผลต่อการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองเช่นกัน
หลายคนคิดว่าดื่มน้ำแค่ตอนกระหายก็พอแล้ว ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด อาการกระหายน้ำเป็นการเตือนว่าร่างกายขาดน้ำจำเป็นต้องดื่มน้ำชดเชยกลับโดยเร็ว
ถ้ารอให้กระหายน้ำแล้วค่อยดื่มจึงสายเกินไป โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่น้ำในร่างกายจะลดลงได้ง่าย การดื่มน้ำในปริมาณและช่วงเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของระบบทางเดินอาหาร นอกจากอาหารและน้ำแล้ว ยังควรฝึกนิสัยการขับถ่ายที่ดี เพราะลำไส้ไม่เพียงเป็นอวัยวะที่ใช้ย่อยอาหารและดูดซึมอาหารเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ขับสารพิษในร่างกายออกสู่ภายนอกพร้อมกับอุจจาระอีกด้วย
การไหลเวียนอีกชนิดที่ช่วยขับของเสียออกจากร่างกายคือ ปัสสาวะ การได้รับน้ำที่มีคุณภาพดีและบริโภคอาหารถูกหลัก จะช่วยปรับการไหลเวียนของปัสสาวะให้ดีขึ้น
คนที่มีสุขภาพดีจะขับของเหลวออกจากร่างกายทั้งทางปัสสาวะ เหงื่อ และอุจจาระ ประมาณวันละ1.5 ลิตร เราจึงควรดื่มน้ำประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน ส่วนคนที่ยังดำเนินชีวิตอย่างไร้ระเบียบ
หากต้องการปรับปรุงการไหลเวียนของระบบทางเดินอาหารก็ต้องฝึกหายใจอย่างถูกวิธี ปรับลมหายใจและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ระบบต่างๆในร่างกายที่ถูกควบคุมด้วยระบบประสาทอัตโนมัติมีเพียงการหายใจเท่านั้นที่เราสามารถควบคุมได้ชั่วขณะเท่านั้น แต่ในเวลาปกติหรือขณะหลับเราจะหายใจได้เองด้วยการควบคุมของระบบประสาทอัตโนมัติ
หลอดลมจะขยายตัวเมื่อระบบประสาทซิมพาเทติกทำงาน และจะหดตัวเมื่อระบบประสาทพาราซิมพาเทติกทำงาน ในทางกลับกันการหายใจด้วยท้องจะทำให้หลอดลมหดตัว ทำให้การทำงานของระบบซิมพาเทติกหยุดลง
และเปลี่ยนให้ระบบพาราซิมพาเทติกทำหน้าที่แทน จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมขณะที่ตื่นเต้นหรือดีใจ ถ้าใครหายใจด้วยท้องจิตใจจะสงบลง มีสมาธิ ฉะนั้นในยุคปัจจุบันที่ระบบประสาทซิมพาเทติกต้องทำงานหนัก
การฝึกหายใจอย่างถูกวิธีจะช่วยปรับการทำงานของระบบทางเดินอาหารให้ดีขึ้นได้และเป็นวิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายที่มีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ช่วยให้ ระบบไหลเวียน ต่างๆในร่างกายดีขึ้นอีกวิธีหนึ่งก็คือ รอยยิ้มและความสุขภายในจิตใจ ที่หลายคนรู้กันว่ามีผลดีต่อร่างกาย ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลหลายแห่งได้บรรจุการ “ยิ้ม” เป็นหนึ่งในวิธีบำบัดโรคมะเร็งแล้ว
แม้จะรู้ว่ารอยยิ้มและความสุขสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายได้และมีส่วนช่วยในการรักษาโรค แต่ก็ยังไม่รู้กลไกที่ชัดเจน จิตใจจะส่งผลต่อร่างกายโดยมีการไหลเวียนของปราณเป็นสื่อกลาง
ซึ่งก็เป็นการไหลเวียนอีกอย่างที่ช่วยปรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล 3 ฝ่ายให้ดีขึ้นด้วย ไม่ว่าการมีอยู่ของปราณจะยังพิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ แต่คนจีนก็ศึกษาเรื่องปราณกันมานานแล้วเช่น การออกกำลังกายที่เรียกว่าชี่กง ก็อาศัยหลักของลมปราณนี้เอง
สรุปง่ายๆว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูล 3 ฝ่ายระหว่างยีน เอ็นไซม์และจุลินทรีย์ จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการมีสุขภาพที่แข็งแรง การแลกเปลี่ยนข้อมูลจะราบรื่นได้ระบบไหลเวียนทั้ง 5
ได้แก่ ระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง ระบบทางเดินอาหาร ปัสสาวะ ลมหายใจ และปราณต้องอยู่ในสภาพพร้อม
จากข้อมูลที่รวบรวมได้พบว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูล 3 ฝ่ายและการไหลเวียนทั้ง 5 มีความสัมพันธ์ส่งผลซึ่งกันและกัน ถ้าการแลกเปลี่ยนข้อมูล 3 ฝ่ายราบรื่นการไหลเวียนทั้ง 5 ก็ปกติ การแลกเปลี่ยนข้อมูลสามฝ่ายก็จะราบรื่นเช่นกัน
เราไม่สามารถแทรกแซงการแลกเปลี่ยนข้อมูลสามฝ่ายได้ แต่สามารถปรับปรุงการไหลเวียนทั้ง 5 ได้ เพียงปฏิบัติตามเคล็ดลับ 7 อย่างเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงก็จะช่วยปรับการไหลเวียนทั้ง 5 ให้ดีขึ้นได้ ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนข้อมูล 3 ฝ่ายเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น
เคล็ดลับ 7 อย่างเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
1. บริโภคอาหารถูกหลัก ปรับการไหลเวียนของระบบทางเดินอาหารให้ดีขึ้น
2. ดื่มน้ำคุณภาพดี ปรับการไหลเวียนของของเหลวทั่วร่างกายโดยเฉพาะระบบไหลเวียนเลือด น้ำเหลือง และปัสสาวะให้ดีขึ้น
3. ขับถ่ายคล่อง ปรับการไหลเวียนของระบบทางเดินอาหารและปัสสาวะให้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง
4. หายใจถูกวิธี ปรับการไหลเวียนของลมหายใจให้ดีขึ้น รวมถึงการไหลเวียนเลือดเพื่อช่วยในการขนส่งออกซิเจน และปรับสมดุลให้ระบบประสาทอัตโนมัติ
5. ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ ปรับระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง รวมถึงการไหลเวียนของลมหายใจให้ดีขึ้น
6. พักผ่อนให้เพียงพอ ปรับการไหลเวียนของปราณและระบบทางเดินอาหารให้ดีขึ้น
7. มีรอยยิ้มและมีความสุขอยู่เสมอ ปรับการไหลเวียนของปราณส่งผลดีต่อระบบไหลเวียนทั้ง 5
แต่ละส่วนในร่างกายล้วนเกี่ยวข้องกันดังที่กล่าวมาแล้ว สิ่งที่เป็นโทษต่อระบบทางเดินอาหารก็จะส่งผลเสียไปทั่วร่างกาย ทำนองเดียวกันสิ่งที่ดีต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก็จะส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวมเช่นกัน
การบริโภคอย่างถูกหลักไม่เพียงช่วยให้โหงวเฮ้งกระเพาะและลำไส้ดีขึ้นเท่านั้น ยังช่วยเพิ่มปริมาณเอ็นไซม์อีกด้วย การดื่มน้ำคุณภาพดีจะทำให้เซลล์ทั่วร่างกายมีชีวิตชีวาและได้รับน้ำอย่างเพียงพอ มีส่วนช่วยให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้งสามฝ่ายเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ระบบขับถ่ายที่ดีจะช่วยให้ของเสียถูกขับออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น จึงช่วยลดการสูญเสียเอ็นไซม์ การหายใจถูกวิธีจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนที่จำเป็นต่อกระบวนการเมตาบอลิซึม
ทำให้ร่างกายทำงานได้ปกติและระบบประสาทอัตโนมัติมีความสมดุล การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะจะช่วยปรับการไหลเวียนของของเหลวทั่วร่างกายให้ดีขึ้น
การพักผ่อนอย่างเพียงพอไม่เพียงช่วยป้องกันการสูญเสียเอ็นไซม์เท่านั้นแต่ยังช่วยกระตุ้นการผลิตเอ็นไซม์อีกด้วย รอยยิ้มและความสุขก็ช่วยลดความเครียดและปรับการไหลเวียนของปราณในร่างกายให้ดีขึ้นทั้งยังกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์
วงจรที่ดีเหล่านี้จะส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม เราจึงควรดูแลสุขภาพทั้งเรื่องอาหาร การเสริมอาหาร น้ำ และการออกกำลังกายไปพร้อมๆกัน
ถ้าลงมือปฏิบัติตามแนวทาง7อย่างเพื่อสุขภาพเหล่านี้ได้ รับรองได้เลยว่าอวัยวะต่างๆของคุณจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะร่างกายของเราทุกคนนั้นเดิมทีแข็งแรงอยู่แล้ว
>> ปรับสมดุลร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกันด้วย Nutriga <<
>> ปรับระบบไหลเวียนเลือด ด้วย T-chloroplus <<
>> ลำไส้สำคัญไม่แพ้สมองเลยนะ <<