FAQ, หน้าหมองคล้ำ-dull-face

รู้แล้วอึ้ง!…แสงหน้าจอมือถือ ทำให้ ‘หน้าหมองคล้ำ’ ได้นะ

%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b3-bluelight-dullface

หน้าหมองคล้ำ เพราะแสงจากหน้าจอมือถือ

ใครจะไปคิดว่าของที่ใช้เป็นประจำทุกวัน พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างโทรศัพท์มือถือ จะทำให้ผิวหน้าของเราหมองคล้ำและเป็นฝ้ากระได้

และปัญหาผิวหน้าแบบนี้ย่อมนำมาซึ่งความทุกข์ใจและไม่มั่นใจได้ เราจึงควรรู้ถึงผลกระทบของแสงสีฟ้าจากหน้าจอสมาร์ทโฟนว่าส่งผลเสียแค่ไหนต่อผิวหน้าของเรา

หน้าหมองคล้ำ เป็นฝ้ากระ จากแสงหน้าจอมือถือ bluelight

แสงจากหน้าจอมือถือ สามารถส่งผลทำให้ผิวหน้าของคุณเกิดรอยฝ้าได้จริง ไม่ต่างอะไรกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งแสงแดดเลย

เพราะหน้าจอมือถือสามารถส่งคลื่นรังสี UVA1 , UV400 และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่แผ่กระจายเข้าสู่ผิวหน้าได้ใกล้และตรงที่สุด นานวันเข้าก็จะส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมจนทำให้เกิดฝ้าได้แบบไม่รู้ตัว

โดยเฉพาะคนที่ชอบเปิดแสงหน้าจอสว่าง และเล่นมือถือตอนดึกๆก่อนนอน โดยเป็นการทำร้ายผิวทางอ้อม ทำให้สุขภาพผิวแย่ลง ส่งผลให้ หน้าหมองคล้ำ เป็นฝ้า กระ และแก่ก่อนวัยได้

แสงจากมือถือทำร้ายผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ เป็นฝ้ากระได้

﹍﹍﹍﹍﹍﹍

ฝ้า กระ ผิวหน้าหมองคล้า ถือว่าเป็นปัญหาของผิวอย่างหนึ่งที่เป็นกันมากสำหรับคนไทย เพราะด้วยสภาพอากาศที่ต้องเจอแสงแดดร้อนอยู่เป็นประจำ

จึงมีโอกาสเกิดได้ง่ายหากไม่รู้จักป้องกัน บางคนอาจจะเพิ่งเริ่มเป็นแต่ไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไร หรือบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการป้องกันฝ้า กระ ต้องทำอย่างไร

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำ

ลักษณะและสาเหตุของการเกิดฝ้ากระ หน้าหมองคล้ำ

►ฝ้า

พบบ่อยในสุภาพสตรีตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาล พบบริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก เหนือริมฝีปากด้านบนและคาง ผื่นมักมีสีคล้ำขึ้นเมื่อถูกแสงแดด โดยแบ่งได้ 3 ชนิด ดังนี้

1) ฝ้าแบบตื้น เป็นฝ้าที่อยู่ในบริเวณหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลเข้ม บริเวณขอบเขตของผื่นจะเห็นชัด ฝ้าชนิดนี้ค่อนข้างตอบสนองดีต่อการรักษา

เนื่องจากเม็ดสีเมลานินอยู่ไม่ลึก ทำให้ง่ายต่อการรักษา

2) ฝ้าแบบลึก เป็นฝ้าที่อยู่ในชั้นหนังแท้ ผื่นฝ้าจะเป็นสีน้ำตาลผสมสีเทาเข้ม ขอบเขตจะเห็นไม่ชัดเจน เนื่องจากเม็ดสีเมลานินอยู่ในระดับที่ลึกมากขึ้น

มีผลทำให้รักษาค่อนข้างยาก ตอบสนองไม่ดีต่อการรักษา

3) ฝ้าแบบผสม มีเม็ดสีเมลานินสะสมมากผิดปกติทั้งในชั้นหนังแท้และหนังกำพร้า

►กระ

หน้าเป็นกระ

มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลขนาดมักเล็กกว่า 0.5 ซม. พบกระจายอยู่บริเวณใบหน้า และผิวหนังที่ถูกแสงแดดเป็นประจำ เชื่อว่ามีสาเหตุจากพันธุกรรมร่วมด้วย

เริ่มพบได้ตั้งแต่วัยเด็ก จากนั้นจะค่อยๆมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นและสีเข้มขึ้น

►หน้าหมองคล้ำ

มักมีสาเหตุจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ผิวโดนแสงแดดมากเกินไป หรือการสัมผัสกับฝุ่นควันและมลภาวะต่างๆ

ผิวหน้าหมองคล้ำจากหลายสาเหตุ

﹍﹍﹍﹍﹍﹍

สาเหตุของการเกิดฝ้ากระและผิวหน้าหมองคล้ำ

1. แสงแดดหรือแสงอาทิตย์ ซึ่งประกอบด้วยรังสีต่างๆที่สามารถมองเห็นหรือไม่เห็นด้วยตา รังสีที่สำคัญคือ Ultraviolet-A (UVA), Ultraviolet B (UVB)

ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคทางผิวหนังบางชนิดได้ ซึ่งช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น. เป็นเวลาที่แสงแดดมีความรุนแรงมากที่สุด

 2. ฮอร์โมน ด้วยอิทธิพลของฮอร์โมนจะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เช่น การตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน หรือได้รับฮอร์โมนจากภายนอกร่างกาย

เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีฮอร์โมนผสมอยู่ จึงมักพบผู้ที่เป็นฝ้าขณะตั้งครรภ์ หรือรับประทานยาคุมกำเนิด

ยาคุมทำให้หน้าหมองคล้ำ เป็นฝ้าได้

3. ยา พบว่าผู้ที่รับประทานยากันชักบางชนิด มักเกิดผื่นดำคล้ายรอยฝ้าที่บริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายากันชักน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า

4. เครื่องสำอาง การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดรอยดำแบบฝ้าได้ ส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นพวกสารให้กลิ่นหอม หรือ สีที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอาง

5. พันธุกรรม เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จากการศึกษาพบว่า 30-50% มีประวัติเป็นในครอบครัว

6. ภาวะทุพโภชนาการ อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากพบผื่นแบบฝ้าในผู้ที่มีตับซึ่งทำงานผิดปกติและผู้ที่ขาดวิตามินบี12

﹍﹍﹍﹍﹍﹍

การป้องกันและรักษา

การรรักษามุ่งเน้นหลักสำคัญ 2 ประการ คือ หลีกเลี่ยงหรือป้องกันปัจจัยที่จะมากระตุ้นให้เป็นฝ้า กระ มากขึ้น ร่วมกับการพยายามรักษาไม่ให้รอยคล้ำนั้นเป็นมากขึ้น

1. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ความร้อน โดยใช้สิงกำบังหรือป้องกัน เช่น ร่ม หมวก ผ้าคลุมหน้า เป็นต้น ควรใช้ครีมกันแดดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

การเลือดครีมกันแดดจะต้องเลือกใช้ชนิดที่เหมาะสมกับปัญหาของตัวเรา ที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB สำหรับค่า SPF ควรมีค่าประมาณ 30-50 ขึ้นไป

2. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมกำเนิด หรือยาอื่นๆที่ทำให้เป็นฝ้าได้ง่าย

3. พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ผ่องใส ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียดหรือวิตกกังวล เพราะอาจเกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนส่งผลให้ฝ้าเป็นมากขึ้นได้

4. ควรทดสอบเครื่องสำอางก่อนใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกิดอาการแพ้ เพราะถ้าแพ้เครื่องสำอางแล้วจะเป็นผื่น บวมแดงและเกิดรอยคล้ำตามมาได้

ควรทดสอบเครื่องสำอางก่อนใช้เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่

5. ควรระมัดระวังในการเลือกใช้ครีมรักษาฝ้าด้วยตนเองตามท้องตลาด เพราะอาจเจอครีมที่มีส่วนผสมของสารปรอทหรือไฮโดรควิโนน ที่ทำให้ฝ้าจางลงอย่างรวดเร็ว

แต่ส่งผลให้ผิวหน้าบางลงและเมื่อหยุดใช้ ฝ้าจะกลับมาเป็นมากขึ้นและเข้มกว่าเดิมจนเป็นฝ้าถาวรได้ ควรเลือกใช้ครีมที่ลดการทำงานของเม็ดสีเมลานิน

และมีคุณสมบัติทำให้ผิวขาวขึ้นด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ

6. การรับประทานอาหารเสริมที่สามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) เช่น Enzyme Super Oxide Dismutase (SOD) , Glutathione , Coenzyme Q10 , Vitamin C และ E

เครื่องดื่มน้ำเอนไซม์ S.O.D ต้านอนุมูลอิสระ วิธีสุขภาพดีและชะลอวัย

สารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ชนิดต่างๆ สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้

7. การรักษาโดยแพทย์ ด้วยการทำทรีทเม้นท์ หรือการทำเลเซอร์ก็สามารถช่วยให้ฝ้า กระ หน้าหมองคล้ำ จางลงได้

﹍﹍﹍﹍﹍﹍

5 เคล็ดลับสำหรับคนอยากหน้าขาวใส

1) ใส่ใจในขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีความอ่อนโยน และถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ต้องแต่งหน้าแบบจัดเต็มอยู่บ่อยๆ ก็ควรล้างหน้าให้ถูกวิธี

จะช่วยชำระล้างสิ่งอุดตันและสิ่งสกปรกต่างๆที่ติดอยู่ในรูขุมขนให้หลุดออกไปได้อย่างหมดจด

2) ไม่ละเลยการทาครีมกันแดด

หลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดเสมอ

การทาครีมกันแดดก่อนการแต่งหน้า หรือก่อนออกแดดทุกครั้ง เพื่อช่วยปกป้องผิวหน้าไม่ให้โดนรังสีจากแสงแดดทำร้าย จนทำให้เกิดฝ้ากระ แถมยังช่วยรักษาสภาพผิวหน้าให้ดูดีเปล่งปลั่งไม่แก่ก่อนวัยอีกด้วย

3) เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีวิตามินและสารอาหารดีๆต่อผิวอย่างเต็มที่ เช่น นมสด เต้าหู้ เนื้อปลา ผักสีเขียว และผลไม้ต่างๆ มีส่วนช่วยให้ผิวสวยจากภายในสู่ภายนอก

4) ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ

การออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายกระชับ แข็งแรงขึ้นแล้ว ยังเพิ่มการสูบฉีดเลือด ทำให้ผิวพรรณได้รับการกระตุ้น จนดูสดใสเปล่งปลั่งขึ้น

ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพแข็งแรง

รวมทั้งนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานเป็นปกติ เซลล์ในร่างกายได้รับการฟื้นฟู ทำให้ผิวสวยใสผุดผ่องขึ้นได้

5) ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่ง

เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผิวหน้าเกิดฝ้า กระ รวมถึงผิวหน้าหมองคล้ำ การใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีสารไวท์เทนนิ่ง เพื่อช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนกระจ่างใส ถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญ

แต่ในการเลือกผลิตภัณฑ์จะต้องคำนึงถึงสารไวท์เทนนิ่งที่ปลอดภัย และไม่อันตรายต่อผิว ยกตัวอย่างเช่น Sym-White สารสกัดจากเปลือกสน ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสารไวท์เทนนิ่งที่มีความปลอดภัยสูงสุด

และให้ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเทียบกับสารไวท์เทนนิ่งชนิดทั่วไป Sym-White มีประสิทธิภาพในการช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า ผิวหน้าหมองคล้ำได้อย่างตรงจุดที่สุด

ใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีไวท์เทรนนิ่งเพื่อช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส

เพราะสุขภาพผิวหน้าที่ดีไม่อาจมีได้หากละเลย และขาดการเอาใจใส่ดูแล ดังนั้นหากเราต้องการมีผิวที่เนียนเรียบ สีผิวสม่ำเสมอ รูขุมขนกระชับ

ซึ่งผิวหน้าที่สุขภาพดีและอ่อนเยาว์ จะต้องผ่านการดูแลอย่างดียิ่งถึงจะได้มา

ครีมรองพื้นป้องกันแสงสีฟ้า bluelight hev shielding

เจลว่านหางจระเข้ลดสิว ฝ้ากระ จุดด่าง s vera gel

บทความที่น่าสนใจ

error: do not copy content!!