
ต้านโควิด-19 ด้วยการ เสริมภูมิคุ้มกัน
เพราะไวรัสโคโรน่า(Covid-19) ถือเป็นภัยร้ายที่กำลังส่งผลต่อชีวิตของคนทั่วโลก เราจึงควรเรียนรู้ที่จะสามารถปฏิบัติตัวให้แข็งแรงและมีภูมิต้านทานมากพอที่จะสู้กับโรคอันตรายมากที่สุดในเวลานี้ได้
เสริมภูมิคุ้มกัน…ฮีโร่สู้โควิด
ไวรัสโควิดตัวนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่คนในโลกยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ทำให้มีคนไข้ใหม่จำนวนมหาศาล ถึงแม้ว่าอัตราการตายไม่ได้สูงมาก แต่เนื่องจากมีจำนวนคนไข้มากจึงทำให้ยอดคนตายมีมากเช่นกัน
คนทั่วไปมักจะคิดว่าคนแก่ที่เป็นโรคเรื้อรังตายง่ายกว่าเพราะภูมิคุ้มกันไม่ดีหรือด้อยกว่าซึ่งมันก็ถูกต้องเพียงส่วนหนึ่ง เพราะปริมาณเชื้อไวรัสที่ได้รับเข้าไปก็มีส่วนสำคัญ
เพราะต่อให้เป็นคนอายุน้อย แต่หากได้รับเชื้อบ่อยๆซ้ำๆซากๆ ก็ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ทัน สุดท้ายก็ตายได้อยู่ดี ตัวอย่างเช่นคนป่วยที่ถูกเก็บตัวอยู่ในห้องเดียวกันหรืออยู่บนเรือลำเดียวกันเป็นเวลานานๆ
ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้บริการทางการแพทย์ไม่เพียงพอ(ล้นมือ) จนมีผู้ป่วยจำนวนมากๆ สุดท้ายก็ส่งผลให้คนตายได้มากเช่นกัน
ตามหลักแล้วคนที่อยู่บนเรือ Diamond Princess ทุกคนควรได้รับเชื้อ แต่ทำไมมีเพียงคนส่วนหนึ่งที่ป่วยล่ะ นั่นเป็นเพราะคนที่ได้รับเชื้อแต่ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้เองนั่นเอง
จึงเป็นที่มาของหลักการ Herd Immunity (ภูมิคุ้มกันหมู่) คือ ปล่อยให้คนติดเชื้อ เก็บตัวเองอยู่ห่างๆกัน ถ้ามีอาการรุนแรงค่อยมาโรงพยาบาล คนที่สัมผัสใกล้ชิดก็อาจจะได้รับเชื้อบ้างแต่ไม่มาก
แต่สุดท้ายคนส่วนใหญ่ทั่วประเทศที่ได้รับเชื้อจำนวนน้อยๆก็จะมีภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ประเทศที่ใช้หลักการนี้คือ เกาหลี เยอรมนี อังกฤษ ผลลัพธ์ก็คือมีอัตราการตายที่ต่ำมาก
แต่พออังกฤษประกาศว่าใช้หลักการนี้ก็กลับถูกสังคมต่อว่า โดยไม่ได้คำนึงเลยว่าอัตราการตายและการป่วยหนักของเค้าน้อยกว่าประเทศที่รับคนไข้มานอนอยู่โรงพยาบาลรวมๆกันไม่มีห้องแยกอย่าง อิตาลี อิหร่านซึ่งมีอัตราการตายสูงที่สุดในโลกเสียอีก
ถึงปิดประเทศสักสามสัปดาห์แต่พอเปิดประเทศเมื่อไรโรคนี้ก็จะกลับมาทันที เพราะประชาชนในประเทศยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อตัวนี้
ดังนั้นเราอาจจะชะลอด้วยการปิดประตูกับประเทศที่มีคนติดเชื้อจำนวนมากๆ แล้วทำใจว่าเราจะมีคนไข้ใหม่ที่ได้รับเชื้อแต่มีอาการไม่รุนแรง ด้วยการอธิบายให้เข้าใจไม่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก
ตัวอย่างเช่น คนอายุน้อยๆจำนวน 19 คนที่ติดเชื้อจากสนามมวย ไม่มีใครมีอาการรุนแรงและเชื่อว่าคงมีหลายคนที่ได้รับเชื้อนี้แต่ตรวจไม่พบนั่นเป็นเพราะมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติเกิดขึ้น
ตอนนี้ผู้คนต่างพูดกันไปว่าในที่สุดคนส่วนใหญ่ในโลกจะต้องป่วยด้วยไวรัสตัวนี้ อันที่จริงคำพูดที่ถูกต้องคือ “ในที่สุดคนส่วนใหญ่ในโลกที่เคยได้รับไวรัสตัวนี้ส่วนหนึ่งป่วย อีกส่วนหนึ่งสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เอง…”
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาเราจึงควรมาคิดว่า“ทำอย่างไรเราถึงจะมีภูมิคุ้มกันที่ดี” เช่น งานวิจัยที่พบว่าคนที่มีระดับวิตามินดีในเลือดปกติจะมีโอกาสติดไวรัสน้อยกว่า
หรือแม้แต่เรื่องวิตามินซีก็เช่นกัน เราควรจะเข้าใจหลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า วิตามินซีมีความสำคัญในการสร้าง interferon alpha และ beta ที่ร่างกายใช้ต่อสู้ไวรัส
ถ้าเรากินผักสีเขียวที่ไม่สุก เช่น ผักชีโรยหน้าทุกวัน การกินหรือฉีดวิตามินซีเสริมก็คงจะไม่จำเป็น แต่ความจริงคือ ส่วนใหญ่แล้วผู้คนมักกินอาหารแช่แข็งที่นำมาทำให้สุกด้วยไมโครเวฟมากกว่า แล้วหลอกตัวเองว่า เราได้รับวิตามินเพียงพอ
จะเห็นได้ว่าการชะลอการติดเชื้อเป็นสิ่งที่ดี เพื่อรอให้ชุมชนทั่วประเทศเกิด herd immunity ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเองจากการได้รับเชื้อทีละน้อย อีกทั้งเป็นการให้เวลาบุคลากรทางการแพทย์ในการรับมือกับผู้ป่วย
ดังนั้นการปิดประเทศแล้วไวรัสจะหายวับไปภายในสามสัปดาห์คงดูเป็นเรื่องยาก
วัคซีนไข้หวัดใหญ่…คือคำตอบ?
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่บ่อยๆอาจจะทำให้เกิดปัญหาในขณะที่มีการระบาด เพราะเราต้องเข้าใจคำว่า clonal theory ซึ่งแปลว่าลิมโฟไซต์หนึ่งตัวสามารถสร้าง antibody ได้หนึ่งชนิด
และการป้องกันไวรัสต้องใช้ antibody มากกว่าหนึ่งชนิด นั่นคือต้องใช้ lymphocytes มากกว่าหนึ่งตัวเมื่อมีการติดเชื้อ หรือมีการกระตุ้นด้วยวัคซีน lymphocytes เหล่านี้ก็จะแบ่งตัวสร้างภูมิคุ้มกันให้เราแบบจำเพาะต่อเชื้อโรคที่เราฉีดเข้าไป
ดังนั้นในการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เราต้องการให้ lymphocytes ทุกตัวฝึกการสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดใหม่ แต่บังเอิญลิมโฟไซต์ส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในการต่อต้านไวรัสชนิดอื่น
โดยไม่สามารถจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดใหม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าลิมโฟไซต์หนึ่งตัวสร้างภูมิคุ้มกันได้เพียงชนิดเดียว
เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตอนนี้ จะเป็นการชะลอการเกิด herd immunity หรือเปล่า? อันนี้เราคงต้องกลับไปคิดให้ดีๆว่าเราไปลดภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดอื่นหรือไม่ เกรงว่าพอหมดจากโคโรน่าก็มีไวรัสยี่ห้ออื่นตามมาอีกเรื่อยๆ…
วิธีวัดระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เราจะรู้ว่าระดับภูมิคุ้มกันโรคของเราได้ จากการตรวจซึ่งจะแบ่งเป็น 3 แบบคือ
1. ตรวจการทำงานของเม็ดเลือดขาวแบบละเอียด (CD Profile) เป็นการวิเคราะห์การทำงานของเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพื่อวางแผนในการเสริมภูมิต้านทาน
2. การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) เพื่อหาความผิดปกติในส่วนประกอบของเลือดเช่น เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด แล้วประเมินความเข้มข้นของเลือด ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของเราได้
3. การตรวจวัดระดับวิตามินดี เพราะวิตามินดีจะช่วยในการเสริมสร้างการพัฒนาเซลล์ ความแข็งแกร่ง และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยต่อสู้กับเชื้อทุกชนิดรวมถึงโรคหวัด,ไข้หวัดใหญ่
ภูมิคุ้มกันต่ำ…ทำไงดี?
การดูแลตัวเองให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมีอยู่หลายวิธี เช่น กินอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับให้เต็มอิ่มและเป็นเวลา ดูแลความสะอาดด้วยการล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งหลังจากที่เข้าห้องน้ำ
วิธีเหล่านี้ถือเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ถ้าจะอาศัยตัวช่วยในการ เสริมภูมิคุ้มกัน เพื่อลดอัตราความรุนแรงเมื่อเกิดการเจ็บป่วย โดยเฉพาะคนที่เดินทางบ่อย ป่วยง่าย ดูแลตัวเองไม่สม่ำเสมอ กินนอนไม่เป็นเวลา
โดยสามารถเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ ดังนี้
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยแพทย์จะแนะนำโภชนาการที่ถูกสุขลักษณะ วิธีการออกลังกายที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง
- เสริมเกราะป้องกันด้วยการทานวิตามิน ช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย ป้องกันร่างกายจากมลพิษต่างๆ
- การให้วิตามินบำบัดทางหลอดเลือด (Myer’s Cocktail) ใช้เวลา ประมาณ 30-40 นาที ช่วยป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากวิตามินช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ยังช่วยผ่อนคลายความเครียด และฟื้นฟูร่างกายให้สดชื่นจากอาการอ่อนเพลีย
- การเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายและกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระด้วยโอโซนบำบัด โดยนำโอโซนบริสุทธิ์ มาช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้มีปริมาณเพียงพอต่อการปกป้องร่างกาย นอกจากนี้โอโซนยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคต่างๆด้วย
- การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกันด้วยแสงเลเซอร์พลังงานต่ำ (Weber Laser) แสงสีแดงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ส่วนแสงสีน้ำเงินมีฤทธิ์ต้านการอักเสบของร่างกาย ช่วยลดความรุนแรงเมื่อเกิดการเจ็บป่วย
การป้องกันที่ดีที่สุด คือการ ‘เสริมภูมิคุ้มกัน’ ให้แข็งแรงขึ้น โดยการเพิ่มจำนวนและความสามารถของเม็ดเลือดขาว เมื่อภูมิคุ้มกันแข็งแรงมี lymphocytes ใหม่มากขึ้น ก็จะช่วยฝึกการสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดใหม่นี้ การควบคุมไวรัสได้ก็จะมีโอกาสมากขึ้นด้วย
เราได้รวบรวมไอเทมสินค้าของบริษัทซัคเซสมอร์เพื่อรับมือกับ Covid-19 เพราะการหลีกเลี่ยงเชื้อโรค เชื้อไวรัสในชีวิตประจำวันนั้นทำได้ยาก แต่เรายังมีทางเลือกที่สามารถช่วยป้องกันตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ Covid-19 ด้วยไอเทมเหล่านี้
1) น้ำว่านหางจระเข้ผสมโกจิเบอร์รี่ S Vera Plus + นูทริก้า
- น้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus ช่วยต่อต้านและยับยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็งและเชื้อไวรัส รายละเอียดสินค้า >> click เลย!!
- อาหารเสริมเบต้ากลูแคน Nutriga ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ลดการอักเสบจากการติดเชื้อ ป้องกันความเสื่อมและปรับสมดุลให้ร่างกาย รายละเอียดสินค้า >> click เลย!!
2) ไฟต้าเพล็กซ์ + วิสต้าเพล็กซ์
- ไฟต้าเพล็กซ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันที่ดีเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค เชื้อไวรัสและป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจและโรคติดเชื้อส่วนอื่นๆของร่างกาย ทั้งยังช่วยต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ภายในร่างกาย รายละเอียดสินค้า >> click เลย!!
- วิสต้าเพล็กซ์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระจากมลภาวะที่เป็นพิษ รวมถึงเชื้อโรค เชื้อไวรัสต่างๆ ด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูสุขภาพ รายละเอียดสินค้า >> click เลย!!
3) S.O.D More
- S.O.D More อุดมด้วยคุณค่าจากผักผลไม้มากถึง 125 ชนิด มีฤทธิ์ในการช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมจากกลไกของร่างกาย พร้อมปกป้องคุณให้ห่างไกลโรคที่มาจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ปิดกลไกการเกิดความเสื่อมของเซลล์ได้ดียิ่งขึ้นด้วย Proactive Antioxidant
- รายละเอียดสินค้า >> click เลย!!
4) S Vera Aloe Vera Cleansing Hand Gel
- แอลกอฮอล์ล้างมือ S Vera Cleansing Hand Gel เป็นเจลล้างมือแอลกอฮอล์เข้มข้น 70% ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ ช่วยยับยั้งการสะสมแบคทีเรีย ได้ถึง 99.99% พกติดกระเป๋าไว้ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ Covid-19 รายละเอียดสินค้า >> click เลย!!