‘ปวดหัวเข่า’ บ่อยๆ…ส่อเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม
เพราะข้อเข่าเป็นอวัยวะสำคัญ เมื่อมีการกระทบกระแทกมากๆอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้เกิดการอักเสบ ปวดบวมข้อ จนนำมาซึ่งอาการข้อเสื่อมได้ โดยข้อเข่าเสื่อมถือเป็นโรคข้อเสื่อมที่คนไทยเป็นมากที่สุด
และถ้าคุณคิดว่าคนที่เป็นโรคนี้ต้องเป็นผู้สูงอายุ คุณคิดผิด! เพราะจากสถิติพบว่าคนที่อายุมากกว่า 40 ปี มีโอกาสเป็นข้อเข่าเสื่อม 50% และอีก 10% พบในคนที่อายุน้อยกว่า 40 ปี
ที่สำคัญคือ หากคุณมีอาการ ปวดหัวเข่า เวลาเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง หรือกระโดด อยู่เสมอ บ่งชีได้ว่าคุณกำลังเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมอยู่นั่นเอง
อาการข้อเข่าเสื่อม
1. มีอาการปวดตามข้อเวลาเดินหรือวิ่ง
2. มีอาการข้อยึดและรู้สึกติดขัดที่ข้อ โดยรู้สึกว่ากระดูกเสียดสีกันเวลาเคลื่อนไหวข้อ ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก
3. มีอาการข้อบวม เนื่องจากเยื่อบุข้ออักเสบ หรือมีการสร้างน้ำไขข้อเพิ่มขึ้น
4. ในรายที่เป็นมาก จะทำให้ข้อเข่าผิดรูป ขาโก่ง ข้อหลวม รู้สึกไม่มั่นคงเวลายืนหรือเดิน
5. เอ็นรอบๆข้อหย่อน และกล้ามเนื้อรอบๆข้อมีขนาดเล็กลง
สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม
1. ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ใช้งานข้อเข่ามากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการยืน เดิน นั่ง วิ่ง และกระโดด ทำให้ข้อเข่าเกิดการกระแทกจนมีการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนผิวข้อ
2. อายุที่มากขึ้น เพราะยิ่งอายุมาก ร่างกายก็เกิดการเสื่อมและทรุดโทรมลง
3. น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น โดยคนอ้วนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากกว่าคนที่น้ำหนักน้อย
4. เพศ ตามสถิติพบว่า ผู้หญิงมีโอกาสเป็นข้อเข่าเสื่อมมากกว่าผู้ชาย
วิธีรักษาข้อเข่าเสื่อม
1) การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
ในกรณีที่มีอาการปวดข้อมาก ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้ โครงสร้างของข้อเข่ามีการผิดรูปไปมาก ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
ซึ่งนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพงและต้องอาศัยระยะเวลาในการพักฟื้น
นอกเหนือจากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าแล้ว ก็ยังมีทางเลือกในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยเน้นการรักษามุ่งเน้นไปที่การลดอาการปวด เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติได้ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
2) ยาแก้ปวดและยาลดอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและการอักเสบของข้อ แต่ยากลุ่มนี้จะไม่ช่วยซ่อมแซมโครงสร้างของข้อ ควรใช้เพียงครั้งคราว เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น ได้แก่
-
- พาราเซตามอล ช่วยลดอาการปวดชนิดไม่รุนแรงได้ ใช้แล้วไม่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร แต่อาจมีผลต่อการทำงานของตับและไต ไม่ควรกินเกินวันละ 4 กรัม
-
- ยาไอบูโปรเฟน ยานาพรอกเซ็น ยาไดโคลฟีแนค ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดและการอักเสบได้ดี แต่มีผลข้างเคียงมาก
เช่น ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารมีผลต่อการทำงานของตับและไต ทำให้เลือดออกง่าย ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจดังนั้นควรใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการปวดมากๆเท่านั้นและใช้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
-
- ยาลดอาการปวดที่เป็นอนุพันธ์ของมอร์ฟีน จะใช้เฉพาะในรายที่มีอาการปวดมากเท่านั้น ยาในกลุ่มนี้ทำให้ง่วงซึม คลื่นไส้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการติดยาอีกด้วย
ดังนั้นการใช้จึงต้องอยู่ในการควบคุมดูและของแพทย์เท่านั้น
-
- ยานวดเฉพาะที่ เช่น ยานวดในกลุ่มต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการปวด เฉพาะที่ในระยะสั้น อาจทำให้มีอาการแสบร้อน หรือ ระคายเคืองผิวหนังได้
3) ยาช่วยปรับเปลี่ยนโครงสร้างของข้อ
เช่น ยากลุ่มกลูโคซามีนซัลเฟต ซึ่งจะช่วยชะลอโรค ซ่อมแซมผิวข้อและลดการอักเสบ
4) สารสกัดจากธรรมชาติ
เช่น สารสกัด Glucosamine และ Chondroitin ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของข้อและเพิ่มน้ำไขข้อ
4.1) กลูโคซามีน (Glucosamine) คือ สารที่มีอยู่ในน้ำหล่อเลี้ยงข้อและกระดูก ซึ่งสามารถพบได้ในเปลือกกุ้ง กระดองปูและเปลือกหอย เป็นต้น ซึ่งมีคุณสมบัติในการดึงน้ำเข้ามาหาตัวเอง ทำให้กระดูกอ่อนมีความยืดหยุ่น ช่วยรองรับการเคลื่อนไหวของข้อต่อ
และที่สำคัญคือ กลูโคซามีน ช่วยลดการอักเสบและอาการปวดข้อ ซึ่งในคนที่ข้อเสื่อม มีความยืดหยุ่นและการหล่อลื่นในข้อไม่ดีเหมือนเดิม จึงจำเป็นต้องทานกลูโคซามีนเพื่อลดอาการดังกล่าว
ทั้งนี้ กลูโคซามีนเป็นสารตั้งต้นของสารที่ใช้สร้างกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของข้อ ไม่ใช่กระดูก ดังนั้นจึงไม่ได้ช่วยบำรุงกระดูกเหมือนกับแคลเซียม นี่จึงเป็นคำตอบว่ากลูโคซามีนไม่ได้ช่วยรักษาโรคกระดูกพรุน
หากต้องการบำรุงกระดูกและข้อ จำเป็นต้องทานกลูโคซามีนและแคลเซียมร่วมกัน
ข้อควรระวังสำหรับการทานกลูโคซามีน คือ ระวังภาวะแพ้ในกลุ่มคนที่แพ้อาหารทะเล เพราะสารนี้มักจะสังเคราะห์มาจากไคติน (Chitin) ที่มีอยู่ในเปลือกหอยทะเล เปลือกปูและเปลือกกุ้ง
กลูโคซามีนซัลเฟต คือ กลูโคซามีนที่ขึ้นทะเบียนเป็นยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยกลูโคซามีนซัลเฟตช่วยลดอาการปวดข้อ ข้อขัดและอาการตึงจากโรคข้อเสื่อมได้ ทำให้ผู้ป่วยโรคข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อมสามารถใช้งานข้อได้ดีขึ้น
จึงเป็นเหตุผลที่คนส่วนใหญ่นิยมทานกลูโคซามีนเพื่อป้องกันและรักษาโรคข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม
5) คอลลาเจนไทพ์ทู (UC-II) ซึ่งเป็นสารสกัดประเภท Nutraceutical ซึ่งสกัดจากกระดูกอ่อนบริเวณหน้าอกของไก่ ช่วยลดอาการอักเสบในผู้ป่วยรูมาตอยด์และอาการข้อเสื่อม
6) น้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียม ถือเป็นการรักษาโรคข้อแนวใหม่ที่ช่วยฟื้นฟูบำรุงข้อเข่า ด้วยการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมเข้าไปในข้อเข่าที่เสื่อมเพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและหล่อลื่นข้อเข่าให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
คนไข้ชอบเรียกการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมว่า “การฉีดจาระบีเข้าข้อ” ซึ่งการรักษาวิธีนี้ช่วยชะลอการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าออกไปได้ระยะนึง
น้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมในเมืองไทยมีหลายชนิด ราคาค่อนข้างสูง ราคาเข็มละ 3,000-5,000 บาท ฉีดสัปดาห์ละครั้ง จำนวน 3-5 ครั้ง ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการได้ประมาณ 6-12 เดือน
และถ้าผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับแพทย์ในการดูแลสุขภาพอย่างเต็มที่ เช่น บริหารกล้ามเนื้อรอบๆข้อให้แข็งแรง ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็จะสามารถฟื้นฟูสภาพเข่าได้ ในบางรายอาจช่วยให้อาการดีขึ้นจนไม่ต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมอีก
7) การฝังเข็ม ปัจจุบันมีงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยการฝังเข็ม ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าการฝังเข็มช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ช่วยลดอาการปวดและการอักเสบในข้อเข่าได้
8) การลดน้ำหนัก พบว่าการลดน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัม จะลดแรงกระทำต่อเข่าได้ถึง 3 กิโลกรัม การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและคลายกล้ามเนื้อจะช่วยสร้างความแข็งแรงให้ข้อเข่าได้อย่างดี
แม้ว่าการออกกำลังกายจะเป็นสิ่งดี แต่หากออกกำลังกายหนักเกินไป ก็จะเป็นการสร้างภาระให้กับข้อกระดูกได้ โดยจะเห็นได้จากนักกีฬาอาชีพ ซึ่งมักมีปัญหาข้อกระดูกเสื่อมอย่างรวดเร็ว
อย่าปล่อยให้ข้ออักเสบและมีอาการปวดบวมข้อเป็นหนักมาก จนทำให้เดินไม่สะดวก สุดท้ายต้องใช้ไม้เท้าพยุงและปล่อยทิ้งไว้จนกล้ามเนื้ออ่อนแรง ลีบเล็กลง
ท้ายที่สุดก็ถึงขั้นเดินไม่ได้ หรือต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า แม้โรคข้อเข่าเสื่อมจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เราสามารถควบคุมอาการได้ และช่วยให้ข้อเข่าสามารถใช้งานได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
เพื่อชะลอความรุนแรงและความเสื่อมของโรคได้ ด้วยการดูแลข้อและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องเพื่อให้เราสามารถใช้งานข้อเข่าได้ยาวนานที่สุด และหากคุณกำลังมองตัวช่วยเพื่อบรรเทาและรักษาอาการปวดหัวเข่า เราขอแนะนำ
“อาหารเสริมแคลเซียมบำรุงกระดูกและข้อ Deer”
Deer เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงกระดูกและข้อ อยู่ในรูปแบบผงชงดื่ม รสชาติทานง่าย อุดมไปด้วยคุณค่าจากกระดูกอ่อนปลาฉลามและแคลเซียม จึงช่วยทำให้กระดูกและข้อของคุณมีความแข็งแรงขึ้น สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม >> Click <<
บทความที่น่าสนใจ
- ข้อเสื่อม วิธีสังเกตและดูแลรักษาข้อ
- กระดูกอ่อนปลาฉลามดีต่อกระดูกและข้ออย่างไร
- อาหารเสริมบำรุงกระดูกและข้อ Deer