
มีคนจำนวนมากที่มีอาการ “นอนไม่หลับ” ไม่ว่าจากความเครียด ภาวะที่เร่งรีบ การแข่งขันที่สูงมากอย่างปัจจุบัน
ซึ่งการนอนไม่หลับนี้จะส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมากทั้งด้านการทำงาน ชีวิตส่วนตัว และครอบครัว รวมไปถึงสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมและทำให้แก่เร็วขึ้นด้วย
การรักษาอาการ ‘นอนไม่หลับ’ ด้วยวิถีธรรมชาติของแพทย์แผนจีนใช้หลักการปรับความสมดุลภายในร่างกายจึงเป็นอีกแนวทางนึงที่
ให้ผลลัพท์ที่ดี และยังผสมผสานกับการรักษาแนวทางอื่นๆได้อีกด้วย
ถึงกระนั้นก็ตามผู้ป่วยเองก็ควรปรับวิธีคิดและกิจกรรมเพื่อลดความเครียดและความกังวลลงอีกทางด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการเลวร้ายลงได้อีก
ผมเองอายุประมาณ 43ปี เมื่อราวๆ 8 ปีที่แล้ว ผมมีอาการ ‘นอนไม่หลับ’ อิดโรยคล้ายคนอดนอนมาหลายคืน แรกๆมีอาการหลับๆตื่นๆ ต่อมาก็หลับยากขึ้น บางครั้งพลิกไปพลิกมาหลายตลบนานสองสามชั่วโมงกว่าจะหลับ
ช่วงหลังอาการแย่ลงบางคืนหลับได้แค่สองสามชั่วโมง ทำให้รู้สึกอ่อนล้า ไม่ค่อยมีชีวิตชีวาในช่วงกลางวัน จึงไปพบแพทย์และได้ยานอนหลับมากิน แรกๆก็กินยาเป็นบางวันซึ่งทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น แต่ต่อมาอาการก็แย่ลงจนต้องกินยาทุกวันจึงหลับได้
หลังจากนั้นอาการก็ทรุดลงอีก เพราะแม้จะกินยาแต่ก็ยัง “นอนไม่หลับ” แถมยังตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้อีกต่างหาก ยิ่งพยายามยิ่งไม่หลับ ทำให้ตาค้างยันรุ่งเช้า
ส่งผลให้ตอนกลางวันมีอาการเพลียมาก ไม่สดชื่น ความจำไม่ดี และยังกระทบต่องาน จากที่สมองเคยแล่นปรู๊ดปร๊าดกลับเฉื่อยชาลง แพทย์บอกว่าเครียดเกินไปจึงได้รับยาเพิ่มมาอีกชนิดเพื่อลดอาการเครียด
แต่สุดท้ายก็นอนหลับดีขึ้นด้วยการกินยาชนิดต่างๆ แต่เรื่องเครียดๆนี่สิที่ยังไม่หายไป ทั้งจากงานที่ต้องใช้ความคิด และสิ่งที่รับผิดชอบต่างๆ จึงเกิดความรู้สึกว่าทำไมฉันต้องติดยานอนหลับ
บางครั้งมีอาการหงุดหงิดใส่คนรอบข้าง จึงตัดสินใจว่าเราต้องหาตัวช่วยอื่นเพื่อไม่ต้องกินยาทุกวัน จึงพยายามศึกษาหาหนทางการรักษาที่เป็นทางเลือกอื่นๆเพิ่มเติม
เมื่อลองมาตรวจร่างกายตามแบบแพทย์แผนจีนด้วยการจับชีพจร(แมะ) ปรากฏว่ามีความเร็ว ส่วนปลายลิ้นแดงและมีฝ้าขาวบางๆ จากการตรวจร่างกายพบว่าอาการนอนไม่หลับเกิดจากการมีไฟมากเกินไป หัวใจมีความร้อนหรือไฟมากเกินไปจนรบกวนการนอนตอนกลางคืน
อธิบายซักนิดนะครับว่าไฟที่ว่าไม่ใช่ไฟที่ลุกไหม้อย่างที่เราเห็นทั่วไป แต่เป็นธาตุไฟตามหลักแพทย์แผนจีนที่กล่าวว่า “อวัยวะหัวใจสัมพันธ์กับธาตุไฟตามทฤษฏีทั้งห้า”
ที่นอกจากทำหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างเลือดและทำให้เกิดการไหลเวียนเลือดแล้ว อวัยวะหัวใจยังเกี่ยวกับ เสิน ซึ่งหมายถึงการควบคุมจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก และความคิดอีกด้วย
เมื่อเราใช้ความคิดค่อนข้างมากจึงส่งผลต่อหัวใจ ทำให้เกิดความร้อนหรือมีธาตุไฟมากเกินไป เปรียบเหมือนร่างกายเรามีไฟสุมอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้นอนหลับยากขึ้นและยังทำให้มีอาการอื่นตามมาอีกด้วย
เช่น ปากขม เบื่ออาหาร มีแผลในปากบ่อย ซึ่งก็มาจากความร้อนภายในนั่นเอง
ดังนั้นจึงต้องปรับสมดุลภายในร่างกาย โดยหลักการคือ ช่วยระบายไฟออก สงบเสินหรือจิตใจ ด้วยอุปนิสัยที่เป็นคนคิดมาก คิดได้สารพัดเรื่อง อ่อนไหวง่าย
จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามไปด้วย การพยายามควบคุมความคิดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อจิตใจและร่างกาย
พยายามให้ตั้งสติให้มั่นคง ไม่ปล่อยให้อารมณ์ฟุ้งซ่านตลอดทั้งวัน ซึ่งการมีสติจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้พัก
หรือบางครั้งตามดูลมหายใจเข้า-ออกก็ได้เพื่อเจริญสติก็จะช่วยให้จิตใจได้พักเช่นกัน ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ความคิดโลดแล่น ตื่นเต้น ขณะเดียวกันควรทำกิจกรรม ที่ทำให้ร่างกายและจิตใจสงบก่อนเข้านอนจะดีกว่า
การปรับสมดุลร่างกายด้วยสมุนไพรโสมและเบต้ากลูแคน ร่วมกับการปรับอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมบางอย่าง ทำให้อาการค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ
นอนหลับง่ายขึ้น ไม่ตื่นง่ายเหมือนเคย และรู้สึกสดชื่นในตอนกลางวันหน้าตาแจ่มใส และไม่หงุดหงิด จากที่เคยต้องกินยานอนหลับจำนวนมากก็ค่อยๆลดจำนวนยาลง และไม่ต้องกินยาในบางคืน แต่ก็สามารถหลับสนิทได้ถึงเช้า
ไลฟ์ไสตล์และการงานที่เร่งรีบทุกวันนี้ล้วนมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับอย่างยิ่ง นำมาซึ่งโรคภัยต่างๆ และความชราก่อนวัย