รีวิวสินค้า, วิธีแก้กรดไหลย้อน-s-vera-plus

[รีวิว] ‘วิธีแก้กรดไหลย้อน’ ด้วยน้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus

%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-s-vera-plus

น้ำว่านหางจระเข้ ‘วิธีแก้กรดไหลย้อน’ ที่ปลอดภัยและดีที่สุด

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องทนทุกข์ทรมาณจากอาการของโรคกรดไหลย้อนและรู้สึกสิ้นหวังกับการหาวิธีรักษากรดไหลย้อน เพราะไม่ว่าจะหาหมอเพื่อรักษาอาการ กินยามามานาน แต่ดูเหมือนอาการก็ยังไม่ค่อยสู้ดีขึ้นมากนัก

เราจึงขอแนะนำ วิธีแก้กรดไหลย้อน ด้วยพืชสมุนไพรธรรมชาติอย่างว่านหางจระเข้ที่อยู่ในรูปแบบของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ‘น้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus’ 

เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาบรรเทาอาการของโรคกรดไหลย้อน แต่ก่อนอื่นเราควรทำความรู้จักกับลักษณะอาการของ โรคกรดไหลย้อน  อย่างถูกต้องเสียก่อน

กรดไหลย้อน คือ ?

โรคกรดไหลย้อน (GERD : Gastroesophageal Reflux Disease)

คือ โรคที่เกิดจากภาวะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในลำคอ หรือแสบบริเวณยอดอก จุกเสียดบริเวณลิ้นปี่

รวมทั้งบางคนอาจมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย อาการจะคล้ายกันกับโรคกระเพาะ

สาเหตุหลักของโรคกรดไหลย้อนเกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการทำงานของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง เช่น มีการคลายตัวของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างทั้งที่ไม่มีการกลืน

หรือเกิดจากความดันในหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างลดลง ทำให้ไม่สามารถต้านแรงดันในช่องท้องและการบีบตัวของกระเพาะอาหารได้ ซึ่งอาการกรดไหลย้อนจะตรวจพบได้ถึง 1 ใน 5 คน

พบมากในคนอ้วน คนสูบบุหรี่ การไหลย้อนของกรด ถ้ามีมาก อาจไหลออกนอกหลอดอาหาร ทำให้เกิดการอักเสบของกล่องเสียง ลำคอ หรือ ปอด ซึ่งหากละเลยไม่ไปพบแพทย์เพื่อรักษา อาจเป็นเรื้อรังจนกลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้

อาการแสบร้อนในอกจากกรดไหลย้อน

ภาวะของโรคกรดไหลย้อน แบ่งออกเป็น 3 ระดับ

  • ระดับแรก  ผู้ป่วยมีภาวะกรดไหลย้อนบ้างในบางครั้ง เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง แล้วก็หายไป
  • ระดับสอง ผู้ป่วยจะมีอาการกรดไหลย้อนขึ้นมาเฉพาะที่บริเวณหลอดอาหาร
  • ระดับสาม ผู้ป่วยมีกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมาก จนไหลขึ้นไปถึงกล่องเสียง หรือหลอดลม

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน

ตัวการสำคัญที่ทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อน คือ พฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันของเราที่ไม่ถูกต้อง จนสร้างความเสี่ยงให้เกิดอาการกรดไหลย้อนขึ้นได้ ซึ่งมีลักษณะพฤติกรรมเสี่ยงดังนี้

1. พฤติกรรมการกิน 

การกินถือว่าเป็นปัญหาสำคัญของผู้มีอาการกรดไหลย้อนเลยทีเดียว โดยมักมีลักษณะการกินที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้

  • กินมากไป การกินอาหารปริมาณมากเกินไปในแต่ละมื้อ นอกจากจะทำให้คุณอ้วนแล้ว ภาวะน้ำหนักเกินนี่เองจะส่งผลให้ความดันในช่องท้องมากขึ้น จึงทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบมากขึ้น ดังนั้นควรปรับการกินอาหารครั้งละน้อยๆ แต่ให้บ่อยครั้งขึ้น
  • กินของทอด ของมัน บรรดาของทอดและอาหารที่ใช้น้ำมันปริมาณมาก อาหารผัด จะทำให้กระเพาะอาหารเคลื่อนไหวช้าลง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น
  • ชา กาแฟ น้ำอัดลม และสุรา ถึงอากาศจะร้อนอบอ้าว กระหายเพียงไหน! โปรดตระหนักไว้เลยว่าเครื่องดื่มเหล่านี้นอกจากจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้นแล้ว ยังทำให้หูรูดคลายตัวง่ายอีกด้วย
  • กินยาแก้ปวดเป็นประจำ เนื่องจากยาแก้ปวดสามารถกระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องกัดกระเพาะอาหารอีกด้วย
  • กินยาไม่เป็นเวลา การกินยาเพื่อลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหารหรือเพิ่มการเคลื่อนไหวของอวัยวะในระบบทางเดินอาหารเพื่อกำจัดกรด แม้ช่วยให้เห็นผลการรักษาเร็วขึ้น

แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักกินยาเฉพาะเวลาที่อาการกำเริบ ไม่ค่อยกินยาตามแพทย์สั่ง ลดขนาดยาหรือหยุดยาเอง จึงทำให้โรคนี้หายช้า

2. พฤติกรรมการนอน

คนส่วนใหญ่เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วมักเกิดอาการหนังท้องตึง หนังตาหย่อน ทำให้เกิดพฤติกรรมกินแล้วนอนเลย นอนแผ่หลาหลังกินอิ่ม พฤติกรรมนี้จะส่งผลให้น้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาได้โดยตรงเลย

3. พฤติกรรมการใช้ชีวิต

  • ไม่ออกกำลังกาย  หรือไม่รักษาน้ำหนักตัวให้พอเหมาะ อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ทำให้มีโอกาสเกิดกรดไหลย้อนมากขึ้นได้
  •  สูบบุหรี่ เนื่องจากควันบุหรี่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น
  •  ความเครียด อย่างที่เคยได้ยินว่า “เครียดลงกระเพาะ” ก็เพราะตอนที่เกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งกรดในกระเพาะอาหารออกมามากขึ้นนั่นเอง
  •  สวมเสื้อผ้ารัดๆ ผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นฟิตเปรี๊ยะ โดยเฉพาะการสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นบริเวณรอบเอวจะเพิ่มแรงดันในกระเพาะอาหาร อาจทำให้น้ำย่อยไหลกลับขึ้นมาได้
  • นอกจากนี้ยังพบว่า โรคกรดไหลย้อน มีความสัมพันธ์กันกับโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคไส้เลื่อนกระบังลม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้อาการของโรคกำเริบมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยในการดำรงชีวิตของแต่ละคน

วิธีแก้กรดไหลย้อน

  • เลือกกินอาหารที่ดีและเหมาะสมเช่น รสชาติไม่จัดเกินไป และที่สำคัญคือ กินให้ตรงเวลา
  • ไม่ทานอาหารตอนดึก แนะนำว่าไม่ควรทานอาหารหลัง 19.30 น. และไม่กินก่อนนอน ทางที่ดีควรนั่งพักให้อาหารย่อยประมาณ 3-4 ชั่วโมงแล้วจึงค่อยนอน

จะช่วยให้น้ำย่อยไม่ไหลย้อนขึ้นมาด้านบน สำหรับคนที่มีอาการกรดไหลย้อน เวลานอนหลับ ควรปรับหัวเตียงให้สูงขึ้นสัก 6-10 นิ้ว แต่ไม่ควรหนุนหมอนสูง เพราะจะทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นและกรดไหลย้อนกำเริบ

  • ลดความเครียด ควรผ่อนคลายร่างกายและจิตใจอยู่เสมอ หากิจกรรมอื่นๆหรืองานอดิเรกทำเพื่อคลายเครียดบ้าง
  • ลดการทานอาหารหรือผักผลไม้ที่มีค่าความเป็นกรดสูง แล้วหันมาทานผักผลไม้ที่มีเส้นใยสูง เพื่อช่วยระบบย่อย
  • ในบางครั้งที่มีอาการแน่นหรือแสบบริเวณยอดอกมาก ก็อาจใช้ยาลดกรดเพื่อช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ 

วิธีการรักษาทางการแพทย์

  • การรักษาโดยใช้ยา 90% ของผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการได้ด้วยยา เช่น ยาลดกรด ยาลดการหลั่งกรด เพื่อลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร

หรือเพิ่มการเคลื่อนตัวของระบบทางเดินอาหารเพื่อกำจัดกรด บางรายอาจใช้เวลานานประมาณ 1-3 เดือน กว่าอาการต่างๆจะดีขึ้น ถ้าอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องตรวจเพิ่มเติมเช่นการกลืนแป้งหรือการส่องกล้องตรวจลงไปที่กระเพาะ

  • การรักษาด้วยการผ่าตัด โดยมากจะรักษาด้วยวิธีนี้น้อยที่สุด ใช้เฉพาะรายที่มีอาการรุนแรง รักษาด้วยยาต่อเนื่องแล้วอาการไม่ดีขึ้น จึงจะทำการผ่าตัดผูกหูรูดกระเพาะอาหารให้รัดตัวแน่นขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมาอีก

สำหรับคนที่ไม่ต้องการให้ปลายทางของการรักษากรดไหลย้อนไปอยู่ที่การผ่าตัด เราก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตให้ได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร ขอย้ำว่า ” วินัยในการปรับพฤติกรรมเป็นหัวใจของการรักษา “

ว่านหางจระเข้กับการรักษากรดไหลย้อน

“ทำไมพืชสมุนไพรอย่างว่านหางจระเข้ จึงสามารถช่วยรักษากรดไหลย้อนได้ ?”

คำตอบก็คือ ส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ในว่านหางจระเข้ ที่เรียกว่า สารโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาและสมานแผลในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้ได้เป็นอย่างดี

ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนเนื่องจากกรดไหลย้อนที่มาจากกระเพาะอาหารได้ น้ำว่านหางจระเข้ จึงเปรียบเสมือนยารักษากรดไหลย้อนที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมจากธรรมชาติ

การทานเพื่อรักษาอาการกรดไหลย้อนนั้น ควรเลือกทานน้ำว่านหางจระเข้ที่ปลอดจากสารเคมีตกค้าง ไม่ใส่สี สารกันบูด หรือสารปรุงแต่ง

น้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus ดีอย่างไร

น้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่คัดสรรว่านหางจระเข้สายพันธุ์ที่ดีที่สุด ชื่อ ‘บาร์บาเดนซิส’ ซึ่งอุดมไปด้วยสารโพลีแซคคาไรด์ จำนวนมาก

ที่สำคัญคือผ่านการปลูกแบบออแกนิกส์ พิถีพิถันทุกขั้นตอนตั้งแต่การปอกเปลือกไปจนถึงการบรรจุลงขวด เพื่อให้ได้น้ำว่านหางจระเข้ที่สดใหม่ อัดแน่นด้วยคุณค่าของว่านหางจระเข้แบบเต็มร้อย

น้ำว่านหางจระเข้เอสเวร่าพลัส S Vera Plus สดใหม่ปลอดภัย

รวมทั้งไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สี ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ เหมือนได้ทานว่านสดๆจากธรรมชาติจริงๆ

รีวิวน้ำว่านหางจระเข้ วิธีแก้กรดไหลย้อน

รีวิวน้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus จากประสบการณ์จริงของผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ที่มีอาการเรื้อรังมานานหลายปี (Cr. คุณศุภโชค) ก่อนอื่นต้องบอกถึงสาเหตุที่มาเริ่มทานน้ำว่านหางจระเข้ ทั้งๆที่ปกติเป็นคนไม่แตะพวกอาหารเสริมเลย

เพราะความทรมานจากโรคกรดไหลย้อนนี้ที่เป็นมานาน พอไปรักษาทีก็ดีได้สักพัก แล้วก็วนเวียนเป็นๆหายๆอยู่แบบนี้ ถึงโรคกรดไหลย้อนจะไม่ใช่โรคร้ายแรงนัก

แต่มันสร้างความรำคาญและทรมานไม่ใช่น้อย ใครไม่เป็นก็ไม่รู้ ทำให้รู้สึกอึกอัด ไม่มีความสุข รำคาญมากจนหงุดหงิดแทบทั้งวัน ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งเป็นมาก

อาการแน่นหน้าอกจากกรดไหลย้อน

ช่วงแรกๆก็แค่รู้สึกท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอบ่อย หนักเข้าก็เริ่มแสบร้อน แน่นบริเวณหน้าอก บางครั้งก็จุกเสียดลิ้นปี่มาก จุกคอ กลืนลำบาก เหมือนมีอะไรมาดันอยู่ในลำคอ อึดอัด ทรมานแทบทำงานไม่ได้

ด้วยความไม่รู้ก็ไปหาซื้อยาตามร้าน ได้ยาเคลือบกระเพาะ ขับลมบ้าง ลดกรดบ้าง สุดท้ายไปหาหมอกินยาหมดเป็นหอบ ก็ยังไม่ค่อยดี เป็นแล้วเป็นอีก.. สุดท้ายเริ่มมองหาทางเลือกอื่นเพื่อช่วยทุเลาอาการของโรคให้เบาบางลงบ้าง

มีญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งแนะนำว่าน้ำว่านหางจระเข้สามารถช่วยรักษาอาการของโรคกรดไหลย้อนและโรคกระเพาะได้ดีมาก จึงได้ทานน้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus ตัวนี้

รีวิวน้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus รักษาโรคกรดไหลย้อน และ โรคกระเพาะ

ตอนแรกที่เห็นกล่อง น้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus รู้สึกดูดีสวยหรูมาก (ทำให้นึกไปถึงช่วงเทศกาลว่าเหมาะที่จะซื้อเป็นของขวัญปีใหม่เลย)

ภายในกล่องจะมี น้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus 1 ขวด และแก้วใบเล็ก30 มล. อีก 1 ใบ (มีระดับตวงวัดอยู่ข้าง สะดวกในการกินทีเดียว)

วิธีทาน คือ ทาน 1 แก้วเล็ก(ที่ติดมาให้) ก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง และทาน 4 เวลา คือ เช้า กลางวัน เย็นและก่อนนอน ตอนเริ่มทานครั้งแรกๆ จะรู้สึกเหมือนทานวุ้น

คือ มีรสชาติจืด แต่ทานง่าย ที่สำคัญคือตอนเทน้ำว่านหางจระเข้ลงในแก้ว จะเห็นเนื้อว่านหางจระเข้ ล้นทะลักแบบจัดเต็ม..เยอะมาก เหมือนกินว่านสดๆ

3-4 วันแรกที่ทาน น้ำว่านหางจระเข้  ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าอาการแสบร้อนยอดอก จุกเสียดลิ้นปี่เริ่มลดลง รู้สึกดีขึ้น สดชื่นขึ้น จุกคอ รำคาญน้อยลง แถมยังทานได้ต่อเนื่องไม่ต้องกังวลเรื่องสารพิษตกค้างอีกด้วย เพราะทำจากธรรมชาติล้วนๆ

ครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ S Vera Plus มีส่วนประกอบแค่ 2 อย่างคือ น้ำว่านหางจระเข้และเนื้อว่านหางจระเข้สด 99 % อีก 1 % คือ โกจิเบอร์รี่ กับวิตามินซี เท่านั้น ไม่มีสารเคมีตัวอื่นผสม ปลอดภัยและช่วยบำรุงสุขภาพได้อย่างแท้จริง

น้ำว่านหางจระเข้เอสเวร่าพลัส แก้กรดไหลย้อน S Vera Plus Gojiberry

หลังจากทานติดต่อกันได้ประมาณ 15 วัน อาการกรดไหลย้อนดีขึ้นจนแปลกใจ แทบไม่มีอาการอีกเลย งานนี้จะได้หายหงุดหงิด รำคาญกับโรคนี้เสียที

ถึงอย่างไรก็ใช่ว่าจะพึ่งแค่น้ำว่านหางจระเข้อย่างเดียว แต่ผมยังคงมุ่งมั่นกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยก่อโรคด้วยอีกทาง เพื่อป้องกันกลับมาเป็นซ้ำอีก

ผ่านมาได้ 3 เดือน ไม่มีอาการของโรคกรดไหลย้อนมากวนใจอีก ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย..

 พอมาศึกษาดูสรรพคุณของน้ำว่านหางจระเข้ ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำให้มันจึงช่วยแก้ปัญหาโรคกรดไหลย้อนได้เป็นอย่างดี เพราะว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร

แถมยังช่วยดีท็อกสารพิษต่างๆที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร และลำไส้ได้เป็นอย่างดีด้วย

การเอาชนะโรคกรดไหลย้อน นั้นไม่ใช่เรื่องยาก.. เพียงแต่หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ก่อให้เกิดโรค รวมถึงดูแลเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกายให้เหมาะสม 

และเสริมด้วย เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพน้ำว่านหางจระเข้ S Vera Plus เพียงเท่านี้คุณก็จะห่างไกลจากโรคกรดไหลย้อนได้แล้ว

เครื่องดื่มสุขภาพ น้ำว่านหางจระเข้คุณภาพ S Vera Plus

แอดไลน์เพื่อสั่งสินค้าที่ Line ID: tisa-scm
บทความที่น่าสนใจ

error: do not copy content!!