FAQ, แก่ก่อนวัย-โรคเสื่อม

ไม่อยาก ‘แก่ก่อนวัย’ ต้องเข้าใจโรคเสื่อมของร่างกาย

%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2-%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a1

รู้อาการเสื่อมของร่างกาย ก็หยุดภาวะ ‘แก่ก่อนวัย’ ได้

โรคเสื่อมของร่างกาย (Degenerative disease) คือ โรคที่มีความเสื่อมถอยในการทำงานของเซลล์ หรือโครงสร้างของเนื้อเยื่อ หรือ อวัยวะต่างๆของร่างกาย ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากความเสื่อมถอยของเซลล์ร่างกาย

ปัจจุบันโรคเสื่อมของร่างกายมักจะเกิดก่อนวัยอันควร เนื่องมาจากการใช้ชีวิต และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป และมลภาวะต่างๆในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอากาศที่เราหายใจเข้าไปสู่ร่างกาย น้ำที่เราดื่ม ซึ่งมักมีสารพิษปนเปื้อนอยู่ด้วย

รวมถึงรูปแบบการรับประทานชนิดต่างๆ ที่ในปัจจุบันมักจะชอบรับประทานอาหารปิ้งๆย่างๆ รมควันและทอด ทำให้ร่างกายได้รับ อนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายตลอดเวลา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคเสื่อมของร่างกายตามมา และทำให้เกิดภาวะ แก่ก่อนวัย ในที่สุด

อาการแก่ก่อนวัย มาจากการเกิดโรคเสื่อมของร่างกายเร็วกว่าปกติ

อนุมูลอิสระเกี่ยวข้องอย่างไรกับความแก่

ทฤษฎีเกี่ยวกับความแก่และความเสื่อมที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคือ ทฤษฎีของอนุมูลอิสระที่เข้ามาทำลายเซลล์ ทำให้เซลล์เกิดความเสื่อม

ร่างกายของคนเราประกอบด้วยเซลล์จำนวนมาก เซลล์เหล่านี้จะประกอบกันเป็นเนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ ดังนั้นถ้าเซลล์เกิดความเสื่อมขึ้นมา การทำงานของเซลล์เหล่านั้นก็จะผิดปกติไปหรือทำหน้าที่บกพร่อง ก็จะทำให้เกิดโรคเสื่อมและแก่ชราขึ้นมาได้

ภาวะเสื่อม ทำให้เราดูแก่ก่อนวัย

บางคนอาจจะมีอาการแก่ก่อนวัยทั้งๆที่อายุยังน้อย โดยสัญญาณแห่งความเสื่อมของเซลล์ที่พบได้เช่น เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ ปวดข้อ ปวดเข่า ท้องผูก อาหารไม่ย่อย อารมณ์ทางเพศลดลง มีริ้วรอย หรือซึมเศร้า

โดยที่อาการเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องและรับประทานอาหารที่เหมาะสม อาจทำให้อาการลุกลามจนกลายเป็นโรคเรื้อรังอื่นๆตามมาได้เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง หรืออัลไซเมอร์

อนุมูลอิสระคืออะไร ?

อนุมูลอิสระคือโมเลกุลที่ไม่คงตัว มีอิเล็กตรอนไม่ครบคู่ เมื่อเข้ามาในร่างกายก็จะไปแย่งจับกับอิเล็กตรอนของเซลล์ในร่างกาย ทำให้เกิดพิษกับเซลล์ และเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อต่างๆตามมา

อนุมูลอิสระทำให้ร่างกายเสื่อมลง

เช่น ถ้าไปจับกับหลอดเลือด ก็จะทำให้หลอดเลือดแข็งตัว ไปที่สมองก็ทำให้สมองเสื่อม ความจำเสื่อม ไปที่ผิวหนังก็ทำลายคอลลาเจนทำให้ผิวเหี่ยวย่น หรือถ้าไปทำลาย DNA ของเซลล์ในร่างกาย ก็จะทำให้เกิดการเจริญที่ผิดปกติ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

อนุมูลอิสระมาจากไหน

อนุมูลอิสระมีที่มาทั้งจากภายนอกและภายในร่างกายได้แก่ มลพิษในอากาศ ฝุ่นละอองต่างๆ ควันบุหรี่ แสงแดด และความร้อนต่างๆ การได้รับรังสีหรือยาบางชนิดเป็นต้น

แต่อนุมูลอิสระที่พบมากที่สุดเกิดจากการเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไปในร่างกาย  ร่างกายก็เหมือนกับรถยนต์ที่ต้องเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นพลังงานในการขับเคลื่อน และต้องปลดปล่อยของเสียออกมาทางท่อไอเสีย เมื่อเรากินอาหารเข้าไปก็จะเกิดการเผาผลาญอาหารเช่นกัน

อนุมูลอิสระจากการเผาพลาญอาหารที่ทานเข้าไป

ในไมโตคอนเดรียที่อยู่ในเซลล์กลายเป็นพลังงานให้ร่างกาย และปล่อยของเสียเป็นอนุมูลอิสระเกิดขึ้นในเซลล์ คล้ายๆกับการทำปฏิกิริยาของออกซิเจนกับเหล็ก ที่ส่งผลให้เหล็กขึ้นสนิม

 หรือในกรณีที่เราปอกแอปเปิ้ลทิ้งไว้ให้ถูกอากาศ แอปเปิ้ลจะมีการเปลี่ยนสี นั่นเป็นเพราะมีอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากออกซิเจนทำปฏิกิริยากับเนื้อแอปเปิ้ลนั่นเอง

รวมถึงการที่น้ำมันที่ถูกเก็บไว้นานๆ แล้วมีกลิ่นหืน ก็เป็นเพราะผลจากการทำปฏิกิริยาของน้ำมันกับออกซิเจนก่อให้เกิดอนุมูลอิสระเช่นกัน

ดังนั้น ทุกครั้งที่ร่างกายเผาผลาญสารอาหารให้เป็นพลังงาน ออกซิเจนจะถูกเปลี่ยนเป็นอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า ซูเปอร์ออกไซด์ (Superoxide) ซึ่งมีอันตรายต่อร่างกายอย่างมหาศาล เพราะสามารถทำลายเซลล์ของร่างกายได้ถึงระดับ DNA

อนุมูลอิสระทำให้แก่ก่อนวัย

และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเสื่อมต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดสมองแตก อัมพาต หรือโรคมะเร็ง ด้วยเหตุผลที่คนในปัจจุบันได้รับอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้มีคนป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคเหล่านี้สูงขึ้นอย่างมาก

โดยโรคที่คนเสียชีวิตมากที่สุดคือ โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด นั่นก็คือ โรคหัวใจ รองลงมาคือ มะเร็ง ถัดมาก็เส้นเลือดในสมองแตก และเบาหวาน ตามลำดับ

โดยสถิติคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากเป็นอันดับ 1 ในปีนึงคนไทยเป็นมะเร็งมากถึง 110,000 คน และในจำนวนนี้ก็เสียชีวิตไปประมาณ 80,000 ราย ส่วนอีก 30,000 ที่เหลือ ทยอยเสียชีวิตในปีถัดๆไป

มะเร็งคือโรคร้ายที่คนไทยตายมากที่สุด

ซึ่งภาวะโรคเสื่อมของร่างกายพบมากขึ้นในคนอายุที่ลดน้อยลง นั่นหมายความว่า อายุยังน้อย ก็ป่วยเป็นโรคเสื่อมของร่างกายกันแล้ว (หรือเรียกอีกอย่างว่าเกิดภาวะ แก่ก่อนวัย)

SOD สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดปัญหาแก่ก่อนวัย

เมื่อป่วยเป็นโรคเสื่อมของร่างกายแล้ว แต่ละโรคต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างมากมายในการรักษาโรคเหล่านี้ บางรายต้องรับประทานยาตลอดชีวิต โอกาสหายขาดน้อยมาก และอาจจะต้องทุกข์ทรมานกับโรคเสื่อมเหล่านี้ไปจนกระทั่งเสียชีวิต

แล้วจะป้องกันการเสื่อมของร่างกายได้อย่างไร?

วิธีที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันอนุมูลอิสระเข้ามาทำลายเซลล์คือ การควบคุมอาหารไม่ให้กินเกินความต้องการของร่างกาย หรือที่เราเรียกกันว่า Caloric restrictions

โดยปกติธรรมชาติของร่างกาย มีกลไกในการป้องกันและกำจัดอนุมูลอิสระที่ชื่อ ซูเปอร์ออกไซด์ (Superoxide) อยู่แล้ว นั่นก็คือ เอ็นไซม์ภายในร่างกาย

ที่ชื่อว่า ซุปเปอร์ออกไซด์ ดิสมิวเทส (Superoxide Dismutase) หรือ SOD ที่จะช่วยเปลี่ยนซูเปอร์ออกไซด์ที่อันตรายนี้ให้กลายเป็นน้ำและออกซิเจน

SOD enzyme คือสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ สำหรับคนที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ

เพื่อลดการก่อโทษของอนุมูลอิสระในการทำอันตรายต่อเซลล์ของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายอยู่ได้อย่างปลอดภัย นี่เป็นกลไกธรรมชาติที่คอยป้องกันเซลล์ของร่างกายอยู่แล้ว แต่แม้ว่าร่างกายจะมีเอนไซม์ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส (SOD) อยู่

แต่เอ็นไซม์ชนิดนี้จะมีปริมาณลดน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น จนในที่สุดมีไม่เพียงพอต่อการกำจัดอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ ก็จะทำให้เซลล์ของร่างกายเราเสื่อมลง

ส่งผลให้อวัยวะต่างๆภายในร่างกายของเราไม่สามารถทำงานให้มีประสิทธิภาพเหมือนเดิมได้ หลอดเลือดทำงานได้แย่ลง ตับ ตับอ่อน ไต ทำงานได้แย่ลง

เราจะป่วยเป็นโรคเสื่อมของร่างกาย เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองแตก ตีบ อัมพาต โรคเบาหวาน โรคไดและโรคมะเร็ง จนกระทั่งเราเสียชีวิตจากโรคต่างๆเหล่านี้ในท้ายที่สุด

สารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เองมีอยู่ 2 วิธีคือ

1. การใช้เอ็นไซม์ในร่างกาย เช่นเอ็นไซม์ superoxide dismutase (SOD)  หรือเอ็นไซม์ glutathione peroxidase  โดยเอ็นไซม์ต่างๆเหล่านี้จะทำการสลายอนุมูลอิสระให้กลายไปอยู่ในรูปที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย

และพบว่ามีแร่ธาตุหลายชนิดที่มีส่วนช่วยในการทำงานของเอ็นไซม์เหล่านี้ด้วยเช่น สังกะสี ทองแดง แมงกานีส และซีลีเนียม

2. สารต้านอนุมูลอิสระที่ไม่ใช่เอ็นไซม์ ได้แก่ วิตามินอี วิตามินเอ วิตามินซี รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดีคือ กลูต้าไธโอน โดยที่สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะทำงานร่วมกัน และช่วยในการชุบชีวิตของสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆได้

พอเราอายุมากขึ้น ความชราก็จะมีมากขึ้น สาเหตุหลักๆก็คือระดับฮอร์โมน วิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนต่างๆในร่างกายของเราลดลงไป รวมถึงประสิทธิภาพของร่างกายในการย่อยและดูดซึมอาหารก็ลดลงด้วย

ดังนั้นถ้าเรารู้ถึงความสำคัญของสิ่งต่างๆเหล่านี้และบำรุงเพิ่มเติมให้สมดุลก็จะสามารถชะลอความชราออกไปได้นานมากขึ้น การกินอาหารแบบจำกัดแคลอรี่

กินแบบจำกัดแคลอรี่สามารถชะลอความชราและลดปัญหาแก่ก่อนวัยได้

โดยมีการเลือกกินอาหารอย่างเหมาะสมโดยเฉพาะผักและผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารที่มีวิตามิน แร่ธาตุและกากใยสูงจึงช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากวัยชราได้

ปริมาณสารอาหารที่แนะนำในแต่ละวัน ซึ่งสามารถบอกได้ว่าร่างกายเราได้รับสารอาหารเหล่านั้นเพียงพอแล้วหรือยัง ถ้าเราได้รับสารอาหารเหล่านี้ต่ำกว่าค่า RDA จะทำให้เราป่วยเป็นโรคได้

โดยค่านี้ได้จากการศึกษาค้นคว้าในคนหมู่มากทั่วไปและนำมาเฉลี่ย เพื่อให้ได้ข้อสรุปสำหรับคนทั่วๆไปเพื่อใช้เป็นแนวทางว่าอย่างน้อยควรจะได้รับสารอาหารปริมาณเท่าไหร่?

ถ้าเราต้องการสารอาหารในระดับที่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดล่ะก็ เราจำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมเพื่อเติมเต็มให้เรามีสุขภาพดีเพียงพอต่อการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บในสภาพปัจจุบัน

กินอาหารเสริมอะไรดี

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ก่อนที่จะกินอาหารเสริมเราควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารและการใช้ชีวิตเช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่นอนดึก ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

เมื่อเรารู้แล้วว่าสาเหตุการแก่ที่สำคัญเกิดจากอนุมูลอิสระที่เข้ามาทำลายเซลล์รวมถึงภาวะอักเสบเรื้อรัง  และเมื่อเราอายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตสารต้านอนุมูลอิสระได้น้อยลง

จนเกิดภาวะไม่สมดุล สารต้านอนุมูลอิสระนี้มีความสำคัญเพราะสามารถช่วยป้องกันและชะลอการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้

การกินอาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระจึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เราควรกินทีเดียวรวมกันหลายชนิดเนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะทำงานกันเป็นทีม ไม่ว่าจะเป็นวิตามินหรือแร่ธาตุต่างๆที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระ

รูปแบบของสารอาหารแต่ละชนิดก็มีความสามารถในการดูดซึมที่แตกต่างกันเช่น กลูต้าไธโอนที่หลายคนนำมากินเพื่อผิวขาวใส จริงๆแล้วมันเป็นเพียงโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ 3 ตัว

คือ Glycine glutamine  และ cysteine  เมื่อผ่านเข้าสู่กระเพาะอาหารจะถูกย่อยสลายเป็นกรดอะมิโนและส่วนเกินก็จะถูกขับออกทางลำไส้ ร่างกายเราไม่สามารถดูดซึมเจ้าตัว glutathione จากการกินได้ จึงแทบจะไม่เกิดประโยชน์เลย

ปกติร่างกายเราจะมีการสร้างกลูต้าไธโอนได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ ช่วยให้ร่างกายสร้างขึ้นเองโดยกินสารตั้งต้นของมันคือ N-acetylcysteine จะดีกว่า

ปัจจุบันมีบริษัทที่ผลิตอาหารเสริมมากมาย เราควรต้องตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เพื่อที่จะนำมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์และปลอดภัยสูงสุด

สรุปได้ว่า

เอ็นไซม์ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่กำจัดอนุมูลอิสระ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของกระบวนการเกิดอนุมูลอิสระ (Primary Antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดการเกิดความเสียหายของเซลล์

sod คือ สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

สามารถป้องกันอนุมูลอิสระได้ลึกถึงระดับดีเอนเอ จึงสามารถป้องกันโรคเสื่อมต่างๆให้กับร่างกาย และยังสามารถชะลอความชรา ทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรงในขณะที่มีอายุเพิ่มขึ้นได้ดีที่สุด

ด้วยเหตุผลนี้เอ็นไซม์ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทสจึงได้รับการรับรองจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงสุด “Master Anti-Oxidation”

น้ำเอนไซม์ S.O.D ต้านอนุมูลอิสระ SOD enzyme

S.O.D คือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดในโลก สามารถต้านอนุมูลอิสระ ปิดกลไกการเกิดความเสื่อมของเซลล์ได้ทุกขั้นตอน

  • ชะลอความเสื่อมของร่างกาย
  • ต่อต้านริ้วรอย
  • ผิวพรรณทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้น (เหมาะกับคนที่ต้องทำงานกลางแจ้งหรือเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำ)
  • เสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานร่างกายแบบองค์รวม
  • ช่วยให้ระบบต่างๆภายในร่างกาย ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
  • เสริมสร้างระบบสืบพันธุ์ ให้มีประสิทธภาพดีขึ้น
  • เพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
  • ช่วยควบคุมน้ำหนัก
  • ช่วยให้นอนหลับสนิท

เครื่องดื่มเอนไซม์ SOD ต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดในโลก

ชะลอวัย สุขภาพดี ด้วยเอนไซม์ S.O.Dแอดไลน์เพื่อสั่งสินค้าที่ Line ID: tisa-scm
บทความน่าสนใจ

error: do not copy content!!